×

‘Mentality’ บททดสอบสุดท้ายสำหรับอาร์เซนอลที่เอติฮัด

21.09.2024
  • LOADING...
Mikel Arteta

ภายหลังจากที่แมนเชสเตอร์ ซิตี้ จัดการทุบเวสต์แฮม ยูไนเต็ด การันตีตำแหน่งแชมป์พรีเมียร์ลีกสมัยที่ 4 ติดต่อกัน ซึ่งเป็นทีมแรกในประวัติศาสตร์ที่ทำได้ โรดรี กองกลางหัวใจสำคัญของทีมเรือใบสีฟ้าได้กล่าวประโยคที่ทั้งเสียดแทงแต่ก็สะท้อนมุมมองที่น่าสนใจ

 

คำถามจากผู้สื่อข่าว “อะไรคือสิ่งที่ทำให้แมนฯ ซิตี้ ประสบความสำเร็จอย่างต่อเนื่อง?”

 

กองกลางทีมชาติสเปนชี้นิ้วไปที่ศีรษะของเขา “ว่ากันตามตรง ผมคิดว่ามันอยู่ในนี้”

 

“มันคือเรื่องของความคิดจิตใจ”

 

ในความหมายของโรดรี หมายถึงเกมนัดสำคัญที่อาร์เซนอลบุกมาเยือนเอติฮัด สเตเดียม ในช่วงปลายเดือนมีนาคม ซึ่งกลายเป็นหนึ่งในเกมที่ส่งผลสำคัญต่อการลุ้นแชมป์ในบั้นปลาย เมื่ออาร์เซนอลมาเน้นตั้งรับและได้ผลเสมอกลับไป

 

และนั่นคือคำถามถึง มิเกล อาร์เตตา และลูกทีมกันเนอร์สของเขาต้องตอบในวันที่จะกลับมาเยือนเอติฮัดอีกครั้ง

 

Mikel Arteta

 

ที่หยิบคำพูดของโรดรีขึ้นมาเป็นการอุ่นเครื่องสำหรับเกมบิ๊กแมตช์พรีเมียร์ลีกสุดสัปดาห์นี้ เป็นเพราะผมเองก็รู้สึกคล้ายๆ กันครับ

 

วัยอาจจะทำให้ความทรงจำระยะสั้นเลือนรางไปบ้าง แต่ผมยังจำความรู้สึกได้ค่อนข้างดีว่าเกมที่เอติฮัด สเตเดียม ในวันนั้นเป็นเกมที่สำคัญอย่างมากสำหรับอาร์เซนอล

 

พวกเขาอยากเป็นแชมป์พรีเมียร์ลีก และพวกเขามีโอกาสอยู่ตรงหน้าแล้ว

 

สิ่งที่ผมอยากรู้คือพวกเขาต้องการมันมากแค่ไหน ต้องการมันมากพอไหม มากพอที่จะทำทุกสิ่งทุกอย่าง และเอาชนะให้ได้ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตามไหม?

 

อย่างไรก็ดี ดูเหมือน มิเกล อาร์เตตา จะคิดคนละแบบกันในวันนั้นครับ อาร์เซนอลเล่นอย่างรัดกุม เหนียวแน่น และสร้างความลำบากให้กับแมนฯ ซิตี้ ที่ก็ไปไม่เป็นเหมือนกันในวันนั้น เพราะลองกันเนอร์สเลือกจะเล่นเกมรับแล้ว ผมคิดว่าพวกเขาน่าจะเป็นทีมที่มีเกมรับดีที่สุดในอังกฤษหรือในยุโรปเวลานี้

 

การเลือกเล่นแบบนั้นของอาร์เตตาไม่ใช่เป็นเรื่องที่เข้าใจไม่ได้ ในทางตรงกันข้ามผมคิดว่าเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ดี

 

เกมการแข่งขันหลังจากนั้นยังเหลืออีกถึง 8 นัด

 

ระหว่าง 3 คะแนนที่เอติฮัด กับ 3 คะแนนที่โมลินิวซ์กราวด์ มันก็คือ 3 คะแนนเหมือนกัน และการไม่เสียคะแนนไปกลับ 6 แต้มให้กับคู่แข่งโดยตรงอย่างแมนฯ ซิตี้ ไม่ได้เป็นตัวเลือกที่เลวร้ายอะไร

 

แต่ ‘ความคิด’ นี้เองครับที่เป็นความแตกต่างที่โรดรีหยิบเอามาพูดได้ (ในฐานะผู้ชนะ)

 

โรดรีบอกในครั้งนั้นว่าเขารู้สึกผิดหวังกับอาร์เซนอลที่หวังจะบุกมาเก็บแค่ผลเสมอ (มากกว่าจะวัดกันให้รู้แล้วรู้รอดไป ซึ่งสภาพของซิตี้ในเวลานั้นก็ไม่ได้ดีนัก)

 

“นั่นแหละคือ Mentality” ก่อนที่โรดรีจะบอกว่าถ้าเป็นแมนฯ ซิตี้ในสถานการณ์นั้นไม่น่าจะทำแบบเดียวกัน

 

ในความหมายที่โรดรีไม่ได้พูดแต่เข้าใจได้คือถ้าเป็นแมนฯ ซิตี้ คงจะพยายามที่จะทำทุกอย่างเพื่อเอาชนะให้ได้ในเกมนั้น

 

เพราะในช่วงเวลาแบบนั้น การไม่พยายามเพื่อชนะก็ไม่ต่างอะไรจากการยอมแพ้

 

 

ในประเด็นถ้อยคำของโรดรีนั้นอย่างที่บอกครับ ในฐานะผู้ชนะเขาพูด (อะไรก็) ได้

 

แต่มันก็เป็นเรื่องที่น่าสนใจและชวนให้นำแว่นขยายมาลองส่องมองดูอาร์เซนอลอย่างพินิจพิเคราะห์

 

จากวันแรกที่เข้ารับตำแหน่ง ต้องบอกว่า มิเกล อาร์เตตา พาทีมอาร์เซนอลของเขามาได้ไกลกว่าที่ใครหลายคนคิดมากแล้ว – ผมเองก็ไม่คิดว่าเขาจะพาทีมมาได้ไกลและเร็วขนาดนี้

 

“Trust the Process” คือสิ่งที่ผู้จัดการทีมชาวสเปนพยายามบอกมาโดยตลอด ขอให้เชื่อในกระบวนการ เชื่อในวิธีการทำงาน และเชื่อในตัวเขา ซึ่งรางวัลตอบแทนคือการที่เขาสามารถพาอาร์เซนอลกลับมาเป็นทีมที่ได้ลุ้นแชมป์พรีเมียร์ลีกอีกครั้ง

 

สิ่งที่น่าสนใจคือ อาร์เซนอลของอาร์เตตาดูเหมือนจะเติบโตในแนวทางที่แตกต่าง

 

มีนักวิเคราะห์มองว่าเวลานี้สไตล์ของกันเนอร์สนั้นกำลังกลายเป็นทีมที่เน้นผลการแข่งแบบมีสไตล์ พูดให้เห็นภาพง่ายคือเหมือนบอลลูกผสมระหว่าง ‘เป๊ป+มูรินโญ’

 

พวกเขาจะไม่ปูพรมถล่มแหลก หรือบุกใส่คู่แข่งแบบไม่บันยะบันยังเหมือนในอดีต เพราะเรียนรู้จากบทเรียนในอดีตแล้วว่าบางครั้งการ ‘ทุ่มสุดตัว’ ก็ไม่ได้นำมาซึ่งผลลัพธ์ที่ดีเสมอไป

 

การเล่นแบบนี้ยังเป็นการถนอมร่างกายของนักเตะให้บอบช้ำน้อย (เมื่อเทียบกับทีมที่ใส่สุดทุกนัดอย่างลิเวอร์พูล) ปิดเกมได้ ทำให้ไว หรือหากวันไหนที่เจอความยากลำบาก เราจะเห็นอาร์เซนอลพลิกสถานการณ์กลับมาได้ในช่วงนาทีบาปบ่อยๆ ซึ่งก็มาจากการที่พวกเขายังพอมีกำลังวังชาเหลือ

 

แต่ก็มีหลายครั้งที่ชวนให้คิดว่าพวกเขาเน้น ‘เพลย์เซฟ’ มากเกินไปหรือเปล่า จนบางครั้งดูไม่เป็นตัวของตัวเอง ทั้งๆ ที่ด้วยวิธีการเล่น ด้วยสไตล์ ด้วยคุณภาพของผู้เล่น อาร์เซนอลพร้อมจะฉีกทุกทีมเป็นริ้วๆ ได้ไม่ยากอยู่แล้ว

 

และดูเหมือนอาร์เตตาจะเน้นสิ่งเหล่านี้มากขึ้นและชัดขึ้นในเวลานี้ ในช่วงที่ทีมของเขาเดินทางมาถึงขั้นสุดท้ายของ Process แล้ว

 

จากฤดูกาลที่แล้วที่เติมแกนหลักอย่าง ดีแคลน ไรซ์, ไค ฮาเวิร์ตซ์, เยอร์เรียน ทิมเบอร์ และ ดาบิด รายา เข้ามา ปีนี้อาร์เซนอลอาจจะไม่ได้กองหน้าตัวเป้าคลาสเอแบบที่หวัง แต่ก็ได้นักเตะอย่าง มิเกล เมริโน, ริคคาร์โด คาลาฟิออรี และ ราฮีม สเตอร์ลิง เข้ามา

 

เป็นการเติมของ ‘คุณภาพ’ เข้าทีม เสริม Squad Depth ให้พร้อมที่สุดสำหรับการวัดกันตัวต่อตัวกับซิตี้ตลอดฤดูกาล

 

 

แต่เพราะไม่มีการวัดกันครั้งไหนที่จะสำคัญไปกว่าการวัดกันเองในสนาม

 

ผมเองก็อยากรู้เหมือนทุกคนครับว่าอาร์เซนอลจะลงสนามด้วยความรู้สึก ความนึกคิด และจิตใจแบบไหนที่เอติฮัด สเตเดียม ในวันที่สถานการณ์ของพวกเขาไม่ได้สวยงามนัก

 

จริงอยู่ที่ในฤดูกาลนี้อาร์เซนอลยังไม่แพ้ใครเลย แต่ฟอร์มโดยรวมของพวกเขาก็ไม่ถือว่าดีมากนัก ต้องดิ้นรนหนักในเกมที่พบกับไบรท์ตัน ที่เหลือ 10 คนจนเกือบจะพังคารัง ก่อนจะเฉือนเอาชนะสเปอร์สได้ในเกมดาร์บีลอนดอนตอนเหนือ

 

ไม่นับเมริโนและคาลาฟิออรีที่บาดเจ็บไปก่อน การสูญเสียกัปตันทีมผู้เป็นมากกว่าแค่กัปตันทีมอย่าง มาร์ติน โอเดการ์ด ไป เริ่มส่งผลให้เห็นตั้งแต่ในเกมกับสเปอร์ส มาจนถึงเกมแชมเปียนส์ลีกที่เกือบเอาตัวไม่รอดในการไปเยือนอตาลันตา

 

สภาพทีมนี้ต้องมาเยือนแมนฯ ซิตี้ ที่กำลังร้อนแรงสุดๆ ซึ่งถือว่าผิดวิสัยเพราะปกติพวกเขาจะค่อนข้างติดเครื่องช้านิดหน่อย ไม่นับการกลับมาเข้าฝักอีกครั้งของ เออร์ลิง เบราต์ ฮาลันด์ หัวหอกจอมมารที่กดไปแล้ว 9 ประตู จากการลงสนามแค่ 4 นัดในพรีเมียร์ลีก

 

มากกว่าแค่การวางหมากกลยุทธ์แล้ว หากอาร์เซนอลหวังจะบุกมาเก็บผลการแข่งขันได้ที่เอติฮัด หัวใจของพวกเขาต้องใหญ่เท่าโลกด้วยเช่นกัน

 

นี่คือเกมที่จะยากที่สุดสำหรับอาร์เตตาและทีมของเขา

 

หากเลือกที่จะเน้นความปลอดภัย อย่างน้อยไม่แพ้ไว้ก่อนก็เป็นเรื่องที่เข้าใจได้ในสถานการณ์ปัจจุบัน และเสียงค่อนแคะแบบเดียวกับที่โรดรีบอกไม่น่าจะมี เพราะมันดูเข้าใจได้ ฤดูกาลตอนนี้ยังเหลืออีกยาวไกล

 

แต่หากสมมติบุกมาเก็บผลเสมอและหนึ่งคะแนนกลับไปได้ แล้วมันส่งผลทำให้พวกเขาพลาดแชมป์เป็นฤดูกาลที่ 3 ติดต่อกัน

 

คำถามมันจะกลับมาวนเวียนในหัวไหม

 

ถามใจผมก็อยากให้อาร์เตตาและอาร์เซนอลพยายามเพื่อชนะที่เอติฮัดให้ได้ แสดงให้เห็นถึง ‘Mentality’ ที่เติบโตอย่างแข็งแกร่งของพวกเขา

 

แต่คำตอบสุดท้ายจะเป็นแบบไหน ไว้รอติดตามกันครับ

 

The Key Insights

  • Opta วิเคราะห์โอกาสให้แมนฯ ซิตี้ ชนะอาร์เซนอล 52 เปอร์เซ็นต์ ขณะที่อาร์เซนอลมีโอกาสชนะแค่ 23.5 เปอร์เซ็นต์
  • อาร์เซนอลไม่เคยเป็นฝ่ายตามหลังในเกมเยือน 11 นัดหลังสุด และมีโอกาสจะสร้างสถิติเป็นทีมแรกที่ไม่เคยตามหลังใครในพรีเมียร์ลีก 12 นัด – สะท้อนถึงเกมรับที่แข็งแกร่งสุดๆ ของทีม
  • เออร์ลิง ฮาลันด์ มีโอกาสจะเป็นนักเตะที่ทำสถิติ ‘เลข 2 หลัก’ ได้เร็วที่สุดในพรีเมียร์ลีกด้วยจำนวน 5 นัด หากยิงได้ในเกมนี้ สถิติก่อนนี้ที่มีคนยิงครบ 10 ประตูเร็วที่สุด 6 นัด คือ มิค ควินน์ (1992/93) และตัวของฮาลันด์เอง (2022/23)
 
  • LOADING...

READ MORE





Latest Stories

X
Close Advertising