ช่วงหลังจบเกมระหว่าง โปรตุเกส กับ สเปน เมื่อคืนวันศุกร์ที่ผ่านมา โชเซ มูรินโญ ได้กล่าวถึงสิ่งที่เขาและคนทั้งโลกได้เห็นว่า “จะมีผู้เล่นบางคนที่เกิดมาเพื่อเล่นบางนัด บางคนเกิดมาเพื่อเล่นทุกนัด และบางคนที่เกิดมาเพื่อเล่นในเกมที่พิเศษจริงๆ ซึ่งนักเตะที่เกิดมาเพื่อเล่นในเกมพิเศษเหล่านี้นั้นคือที่สุด”
ไม่มีข้อสงสัยใดๆ ว่าเกมระหว่าง โปรตุเกส และ สเปน คือเกมที่เข้าข่ายคำว่า “พิเศษ” อย่างที่มูรินโญบอก
และนั่นหมายถึง คริสเตียโน โรนัลโด คือนักเตะที่เกิดมาเพื่อเกมพิเศษแบบนี้ ซึ่งเขาได้พิสูจน์ให้เราเห็นเหมือนเช่นทุกครั้ง และที่พิเศษมากกว่าคือครั้งนี้ดูเหมือนโรนัลโดจะมีความปรารถนาบางอย่างที่อยากจะแสดงให้โลกได้เห็น
ความปรารถนาที่อยากจะเป็นแชมป์ฟุตบอลโลก รางวัลสุดท้ายในชีวิตที่เขายังไม่เคยได้ และเขาพร้อมทำทุกอย่างเพื่อให้ได้มันมา ซึ่งสิ่งเหล่านี้สะท้อนออกมาให้เห็นผ่านการเล่นในสนาม ทั้งทุ่มเท กล้าหาญ เยือกเย็น ไม่มีภาพของโรนัลโดจอมโวยวาย วอแว ขี้แย เหมือนหลายครั้งที่ผ่านมา
แววตาของเขาก็ไม่เหมือนเดิมอีก มันเป็นแววตาของคนที่เชื่อว่าเขาสามารถจะทำอะไรสักอย่างให้เกิดขึ้นได้ อะไรสักอย่างที่ต้องเป็นเขาเท่านั้นถึงจะทำได้
และโรนัลโดได้โอกาสนั้น
ในเกมที่ตื่นเต้นกับสถานการณ์ที่พลิกไปพลิกมาตลอดเวลา จากการได้จุดโทษในช่วงต้นเกม มาถึงการโดนทีมที่แสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่ง และระดับฝีเท้าว่าอยู่ในระดับสูงอย่างสเปน ไล่ยิงจนแซงนำและเหลือเวลาอีกเพียงแค่ 2 นาที
สถานการณ์เช่นนั้นมีเพียงไม่กี่คนในโลกที่จะสามารถยิงลูกฟรีคิกระยะ 25 หลาเข้าไปเสียบสามเหลี่ยมด้วยความสมบูรณ์แบบ
ความจริงก่อนหน้านี้เขาเคยพลาดมาแล้ว 43 ครั้งในฟุตบอลโลกและฟุตบอลยูโร โดยที่ไม่เคยทำประตูได้เลยนับตั้งแต่ได้โอกาสลงเล่นทัวร์นาเมนต์ใหญ่ในฟุตบอลยูโร 2004
และในเกมนี้เขามีโอกาสในช่วงครึ่งแรกแต่ก็ซัดไปติดกำแพง
แต่ในโอกาสครั้งที่ 45 โรนัลโดทำได้สำเร็จ และประตูนี้นอกจากจะเรียกเสียงปรบมือได้จากแฟนบอลทั้งโลกที่เฝ้าติดตามชมเกมนี้ด้วยความตื่นเต้น มันยังได้ทำลายสถิติมากมายตามมาด้วย
โดยในประตูแรกที่เกิดจากการได้ลูกจุดโทษ ทำให้โรนัลโดทำลายสถิติทันที 2 รายการคือ
1. โรนัลโดเป็นนักฟุตบอลคนที่ 4 เท่านั้นบนโลกใบนี้ที่ทำประตูในฟุตบอลโลกได้ 4 สมัยติดต่อกัน ต่อจากเหล่าตำนานอย่าง เปเล (บราซิล), อูเว ซีเลอร์ (เยอรมนี) และ มิโรสลาฟ โคลเซ (เยอรมนี)
2. โรนัลโดเป็นผู้เล่นคนแรกบนโลกที่ทำประตูได้ในรายการระดับเมเจอร์ (ฟุตบอลโลก ฟุตบอลยูโร หรือฟุตบอลโคปา อเมริกา) ติดต่อกัน 8 รายการ โดยโรนัลโดได้โอกาสลงเล่นฟุตบอลยูโรครั้งแรกในปี 2004
หลังจากนั้นในประตูที่ 2 ของเขา ซึ่งเป็นลูกที่ทำให้โปรตุเกสขึ้นนำสเปนอีกครั้งเป็น 2-1 ทำให้เขาได้ทำสถิติเพิ่ม
3. โรนัลโดเป็นนักเตะโปรตุเกสคนแรกที่ทำประตูได้จากนอกกรอบเขตโทษในฟุตบอลโลก นับตั้งแต่ เดโก ทำไว้ในเกมกับอิหร่านเมื่อฟุตบอลโลกปี 2006
4. ประตูที่ 2 ของโรนัลโดทำให้เขาทำประตูได้มากกว่าสถิติเดิมของตัวเองในฟุตบอลโลก 3 ครั้งก่อนหน้านี้ (2006, 2010, 2014) ที่ทำได้แค่ครั้งละ 1 ประตูเท่านั้น
5. ลูกยิงที่ผ่านมือ ดาบิด เด เคอา เข้าไป ยังทำให้สถิติโอกาสการทำประตูของเขาดีกว่าฟุตบอลโลก 3 สมัยก่อนหน้านี้หลายเท่า
- 2006 (ยิง 26 ครั้ง 1 ประตู)
- 2010 (ยิง 22 ครั้ง 1 ประตู)
- 2014 (ยิง 22 ครั้ง 1 ประตู)
- 2018 (ยิง 3 ครั้ง 2 ประตู *นับถึงประตูที่ 2)
หลังจากนั้นสเปนโชว์พลังฮึดไล่ตีเสมอได้สำเร็จจาก ดีเอโก คอสตา คนเดิม ก่อนที่ นาโช จะยิงวอลเลย์ไกลจากนอกกรอบเขตโทษเสียบเสาเข้าไปอย่างสวยงาม ก็ต้องเป็นโรนัลโดที่แก้ไขสถานการณ์ได้ด้วยการยิงลูกฟรีคิกก่อนหมดเวลาแค่ 2 นาที ซึ่งเป็นการทำแฮตทริกของเขา และทำให้เกิดสถิติใหม่อีกมากมาย
6. แฮตทริกครั้งนี้เป็นแฮตทริกครั้งที่ 51 ของเขา (สโมสรและทีมชาติ) และที่น่าเหลือเชื่อคือมันก็เป็นแฮตทริกครั้งที่ 51 ที่เกิดขึ้นในฟุตบอลโลกด้วย
7. เป็นสถิติที่เกิดต่อเนื่องจากข้อ 4 และข้อ 5 แฮตทริกของโรนัลโดหมายถึงเขาทำประตูในฟุตบอลโลก 2018 ได้เท่ากับฟุตบอลโลก 3 ครั้งก่อนหน้านี้ (2006-2014) รวมกัน
8. โรนัลโดเป็นนักเตะคนที่ 3 ของโปรตุเกส ที่ทำแฮตทริกได้ในฟุตบอลโลก ต่อจาก ยูเซบิโอ (1966) และ เปาเลตา (2002)
9. ลูกฟรีคิกของโรนัลโดเป็นการยิงเข้าครั้งแรกของเขาจากความพยายามทั้งหมด 45 ครั้งในฟุตบอลระดับเมเจอร์ (ฟุตบอลโลก, ฟุตบอลยูโร) หลังจากที่ก่อนหน้าพยายามมาแล้ว 44 ครั้ง (รวม 1 ครั้งในช่วงครึ่งแรกที่ไปติดกำแพง) ไม่ประสบความสำเร็จ
10. โรนัลโดกลายเป็นผู้เล่นอายุมากที่สุดที่ทำแฮตทริกได้ในฟุตบอลโลกด้วยวัย 33 ปี 130 วัน
11. สถิตินี้ยิ่งใหญ่โดยโรนัลโดทำประตูในทีมชาติได้เท่ากับสุดยอดตำนานอย่าง เฟเรนซ์ ปุสกัส อดีตหัวหอกทีมชาติฮังการีผู้ยิ่งใหญ่ที่ 84 ประตู โดยมีเพียง อาลี ดาอี แห่งอิหร่าน คนเดียวเท่านั้นที่ทำประตูในนามทีมชาติได้มากกว่า (109 ลูก)
และสถิติสุดท้าย
12. โรนัลโดคือนักฟุตบอลคนแรกที่ยิงแฮตทริกใส่ทีมชาติสเปนได้ในฟุตบอลโลก
ไม่มีคนอื่นทำได้นอกจากหนึ่งเดียวคนนี้ คริสเตียโน โรนัลโด
Photo: Reuters
อ้างอิง: