จากรายงานของ Reuters ในวันพฤหัสบดีที่ 12 กันยายน Naoki Tamura สมาชิกสายเหยี่ยวของธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ให้มุมมองเกี่ยวกับ ดอกเบี้ย นโยบายของญี่ปุ่นว่า ควรจะอยู่ที่ 1% เป็นอย่างน้อยภายในปี 2025 สะท้อนให้เห็นถึงความตั้งใจที่แน่วแน่ในการดำเนินนโยบายการเงินที่เข้มงวดของ BOJ ต่อไป
ถือว่าเป็นครั้งแรกที่มีสมาชิกของ BOJ ออกมาให้เป้าหมายของระดับดอกเบี้ยที่ธนาคารกลางมองไว้ ซึ่งในที่สุดแล้ว เป้าการปรับขึ้นดอกเบี้ยในรอบนี้จะทำให้ต้นทุนการกู้ยืมในระยะสั้นปรับตัวสูงขึ้น
Tamura กล่าวว่า โอกาสที่เศรษฐกิจญี่ปุ่นจะบรรลุเป้าหมายเงินเฟ้อ 2% ของ BOJ อย่างยั่งยืนกำลังเพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นเงื่อนไขที่บ่งชี้ว่าการขึ้นอัตราดอกเบี้ยกำลังดำเนินไปอย่างที่ควรจะเป็น พร้อมบอกว่าอัตราดอกเบี้ยในระดับที่เป็นกลางคือระดับที่ไม่ได้ฉุดให้เศรษฐกิจเกิดการชะลอตัว หรือไม่เป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจ ควรจะอยู่ที่ราว 1%
Tamura กล่าวระหว่างบรรยายต่อผู้นำทางธุรกิจว่า “จึงจำเป็นต้องดันอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นขึ้นไปอย่างน้อยที่ประมาณ 1%” อย่างเร็วที่สุดประมาณเดือนตุลาคม 2025
ภายหลังความเคลื่อนไหวดังกล่าว เหล่าสมาชิก BOJ ออกมาให้ความเห็นในทิศทางเดียวกันว่า ธนาคารควรปรับดอกเบี้ยขึ้นต่อไป ถึงแม้ที่ผ่านมาจะทำให้เกิดความผันผวนในตลาดการเงินก็ตาม
BOJ คาดการณ์ว่าจะยังคงดอกเบี้ยไว้ที่ระดับเดิมในการประชุมครั้งถัดไปในวันที่ 20 กันยายนนี้ แต่ก่อนหน้านี้ นักเศรษฐศาสตร์ของ Reuters มากกว่าครึ่งคาดการณ์ไว้ว่า BOJ จะปรับความเข้มงวดของนโยบายการเงินขึ้นอีกครั้งภายในปีนี้
การปรับเปลี่ยนนโยบายการเงินครั้งประวัติศาสตร์ของญี่ปุ่น โดยการยกเลิกดอกเบี้ยนโยบายติดลบในเดือนมีนาคม และปรับดอกเบี้ยระยะสั้นให้กลับขึ้นมายืนที่ 0.25% ในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ในมุมมองของภาคเศรษฐกิจถือว่ามีพัฒนาการที่ดีในการบรรลุเป้าหมายเงินเฟ้อที่ 2% อย่างมั่นคง
Kazuo Ueda ผู้ว่าการ BOJ ส่งสัญญาณให้ธนาคารพาณิชย์เตรียมความพร้อมปรับดอกเบี้ยขึ้นอีก หากเงินเฟ้อยังคงอยู่ที่ระดับ 2% ในปีถัดๆ ไป ท่ามกลางค่าจ้างที่ปรับขึ้นอย่างแข็งแกร่งตามการคาดการณ์ในปัจจุบัน
ในขณะเดียวกัน Tamura เตือนว่า BOJ ต้องประเมินสถานการณ์และผลกระทบต่อเศรษฐกิจจากการปรับขึ้นดอกเบี้ยนี้อย่างระมัดระวัง เนื่องจากเศรษฐกิจญี่ปุ่นเคยชินกับการอยู่ในยุคของอัตราดอกเบี้ยใกล้ 0% มานาน
Tamura กล่าวต่อว่า “เราต้องขึ้นดอกเบี้ยในช่วงเวลาที่เหมาะสม และแบ่งออกเป็นหลายระยะ”
นอกจากนี้ Tamura กล่าวถึงความกังวลว่า มีความเสี่ยงมากขึ้นที่เงินเฟ้อจะขยับตัวขึ้นต่อจากสถานการณ์แรงงานขาดแคลน ซึ่งทำให้หลายบริษัทปรับขึ้นค่าแรง และผลักภาระต้นทุนที่เพิ่มขึ้นผ่านการขึ้นราคา
ทั้งนี้ เงินเฟ้อพื้นฐานในภาคการบริโภคปรับตัวสูงขึ้น 2.7% ในเดือนกรกฎาคม และยืนอยู่เหนือระดับเป้าหมายของ BOJ ที่ 2% มานานกว่า 28 เดือนติดต่อกัน
อ้างอิง:
