Nikkei Asia รายงานว่า เทคโนโลยีการผลิตชิปเซมิคอนดักเตอร์ของจีน นำโดยบริษัท Semiconductor Manufacturing International Company (SMIC) สามารถลดช่องว่างความห่างด้านเทคโนโลยีของตัวเอง และก้าวมาอยู่ในจุดที่จีนไล่ตามหลังผู้นำอุตสาหกรรมอย่าง Taiwan Semiconductor Manufacturing Company ( TSMC ) ของไต้หวันเพียง 3 ปีเท่านั้น
ความเคลื่อนไหวครั้งนี้แสดงให้เห็นว่ามาตรการกีดกันของสหรัฐอเมริกาไม่ได้ชะลอการพัฒนานวัตกรรมการผลิตชิปที่ล้ำหน้าของจีนมากตามที่หวัง
ล่าสุดเมื่อเดือนเมษายนปีนี้ HUAWEI ออกสมาร์ทโฟนรุ่น Pura 70 Pro ซึ่งมีชิปรุ่น Kirin 9010 ที่ถูกผลิตภายในจีนโดย SMIC เป็นจุดที่ทำให้ Hiroharu Shimizu ซีอีโอบริษัท TechanaLye นำมันมาเทียบกับชิปรุ่น Kirin 9000 ที่ผลิตในไต้หวันโดย TSMC เมื่อปี 2021 และผลลัพธ์การทดสอบเผยว่าชิปเซมิคอนดักเตอร์ทั้งสองมีศักยภาพการประมวลผลที่ไม่ต่างกัน
ผลการทดสอบดังกล่าวถือเป็นการแสดงให้เห็นถึงความก้าวหน้าในการพึ่งพาตัวเองที่เพิ่มมากขึ้นของจีนด้านเทคโนโลยีเซมิคอนดักเตอร์ ซึ่งชิปขนาด 7 นาโนเมตรของ SMIC มีความสามารถในการประมวลผลเทียบเท่ากับชิปขนาด 5 นาโนเมตรของ TSMC แล้ว
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
“สำหรับประเภทชิปที่ถูกจำกัดการเข้าถึงโดยสหรัฐฯ จะอยู่ในหมวดของชิปที่ใช้ประมวลผลการขับเคลื่อนเทคโนโลยีล้ำหน้า เช่น AI แต่หากชิปที่ไม่เข้าข่ายคุกคามด้านความมั่นคงทางการทหาร สหรัฐฯ ก็ไม่มีปัญหา และจะอนุญาตให้ผลิตได้” Hiroharu กล่าวกับ Nikkei Asia
ณ ปัจจุบัน ผู้ประกอบการเซมิคอนดักเตอร์ในประเทศจีนครองสัดส่วนของการเป็นผู้ซื้ออุปกรณ์ผลิตชิปรอบโลกถึง 34.4% หรือประมาณ 2 เท่าของเกาหลีใต้หรือญี่ปุ่น ตามข้อมูลของ SEMI สมาคมผู้ผลิตกับผู้ที่เกี่ยวข้องในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ และจีนก็เดินหน้าขยายกำลังการผลิตอย่างต่อเนื่อง โดยพุ่งเป้าลงทุนในอุปกรณ์ที่ไม่ถูกจำกัดจากมาตรการควบคุมส่งออกเทคโนโลยีขั้นสูงของสหรัฐฯ เพื่อหลีกเลี่ยงข้อจำกัดและสร้างความแข็งแกร่งให้กับอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ของตน
เทรนด์การพัฒนาชิปขนาด 7 นาโนเมตรของ SMIC ที่มีศักยภาพทัดเทียมกับชิปขนาด 5 นาโนเมตรของ TSMC จะส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่ออุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ทั่วโลก ท่ามกลางประเทศจีนที่ลดการพึ่งพาเทคโนโลยีจากต่างประเทศและเพิ่มการผลิตในประเทศ อีกทั้ง TSMC ก็กำลังเผชิญกับแรงกดดันที่เพิ่มขึ้นในการรักษาความเป็นผู้นำทางเทคโนโลยี
“นโยบายกีดกันของสหรัฐฯ ตอนนี้ทำได้แค่ชะลอการผลิตนวัตกรรมของจีนเพียงเล็กน้อย ในทางกลับกัน การพยายามสร้างกำแพงของสหรัฐฯ ยิ่งทำให้จีนเร่งหาหนทางที่จะหันมาผลิตในประเทศแทน” Hiroharu กล่าว
อ้างอิง: