ท่ามกลางเสียงกองเชียร์จากฝรั่งเศส บราซิล และสหรัฐอเมริกา ชาติที่ต่างเดินทางมาร่วมเชียร์นักกีฬาของตัวเองในการแข่งขันโอลิมปิกเกมส์ที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส
ผมได้ยินเสียงภาษาไทยตะโกนสั้นๆ ว่า
“หยิ่งนะ ไม่ทักทายกันเลย”
ผมหันไปนึกว่าเจอเพื่อนที่บังเอิญมาเชียร์ เอสที-วารีรยา สุขเกษม นักกีฬาสเกตบอร์ดไทยวัย 12 ปี ที่สร้างประวัติศาสตร์ในการเป็นนักกีฬาไทยคนแรกที่เข้าร่วมแข่งขันสเกตบอร์ดหญิง ประเภทสตรีท ที่กรุงปารีสครั้งนี้
แต่เมื่อหันไปเราพบกับเอสทีและครอบครัวที่นั่งรอแข่งขันอยู่ในพื้นที่นักกีฬา เพื่อเตรียมลงแข่งขันใน Heat ที่ 4
และนี่คือตัวตนของ เอสที วารีรยา ตลอดมาตั้งแต่เรามีโอกาสไปสัมภาษณ์ที่สมาคมกีฬาเอ็กซ์ตรีมแห่งประเทศไทยและสนาม Dreg ที่จังหวัดนนทบุรี ประเทศไทย
เราทักทายกันและกล่าวสั้นๆ กับเอสทีว่า “เต็มที่นะวันนี้ รอเชียร์อยู่”
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เอสทีสร้างเซอร์ไพรส์จากความมั่นใจและความเป็นกันเองกับสื่อมวลชน เพราะเอสทีเป็นคนที่พร้อมที่จะพูดในสิ่งที่ตัวเองเชื่อมั่น
“หนูเป็นคนที่อยากได้อะไรก็ต้องได้ ฉันอยากได้อันดับนี้ก็ต้องได้ แล้วพอจบรายการนั้นมาหนูได้ที่ 4 ที่ 5 ตกลงมาแบบไม่ขึ้นท็อป หนูก็แบบว่า ‘ฉันต้องจริงจังแล้วละ ฉันอยากได้ที่ 1’
“พอรู้สึกแบบนั้น หนูตื่นมา ถ้าหนูแข่งแพ้ขึ้นมา ถ้ากลับมาที่บ้าน เช้าตื่นมาหนูจะฟิตมากๆ แบบว่า ‘แม่ตื่น พาหนูไปเล่นสเกตหน่อย’ แม่หนูก็อะไรๆ แล้วแม่หนูก็พามาเล่น แล้วหนูก็ซ้อมตามประสาเด็กๆ ไถลงเนิน ออลลี ข้ามนั่นข้ามนี่ พยายามซ้อม พ่อแม่ก็ช่วยสนับสนุน ช่วยซ้อมด้วย”
คือสิ่งที่เอสทีเคยให้สัมภาษณ์ไว้กับ THE STANDARD SPORT
แต่ช่วงหนึ่งของบทสัมภาษณ์ที่เอสทีสร้างความประทับใจให้กับเราไว้มากที่สุดคือ เมื่อเราถามว่า อะไรคือทัศนคติที่ดีที่พ่อแม่มอบไว้ให้สำหรับการแข่งขัน
“เราต้องไม่เหมือนคนอื่น พ่อบอกหนูตลอดนะว่าครอบครัวเราไม่ธรรมดา ครอบครัวเราเป็นครอบครัวที่พิเศษกว่าคนอื่น
“ตอนเด็กๆ หนูฟังแล้วหนูก็คิดว่า ‘ครอบครัวเราพิเศษตรงไหน’ ตอนนั้นหนูเด็ก หนูยังมองไม่เห็น จนมาถึงปัจจุบันหนูก็รู้ว่าความพิเศษตรงนี้มันเป็นอย่างไร คือเราเดินทางที่คนอื่นส่วนใหญ่ไม่เดินกัน คนอื่นอาจจะไปทางร้องเพลง เต้น อะไรที่บันเทิง นักแสดงอะไรอย่างนี้ ถ้าเป็นผู้หญิงส่วนใหญ่จะแบบเลือกไปทางนั้น
“แต่ว่าหนูดันเลือกที่มันเป็นกีฬาผาดโผน ท้าทาย เจ็บเยอะ มีเกณฑ์ที่จะบาดเจ็บได้เยอะมาก แล้วก็มีเกณฑ์การหมดไฟเยอะมากๆ
“หนูคิดว่าก็ดีใจนะที่เลือกทางนี้ เพราะหนูไม่อยากใช้ชีวิตเหมือนคนอื่นธรรมดาที่เขาทำกัน เหมือนที่เขาใช้ชีวิตกันอย่างเช่น เรียนแล้วพัก เล่นกับเพื่อน วิ่งไล่จับ ซ่อนแอบ
“หนูเล่นแบบนี้ประมาณเด็กๆ ป.2-3 หนูลองผ่านมาแล้ว หนูคิดว่าหนูต้องไม่เหมือนคนอื่น หนูไม่อยากเหมือนคนอื่น มันเป็นคนส่วนใหญ่ที่เขาใช้ความคิดอย่างนี้กัน เด็กคนอื่นเล่นตุ๊กตา เล่นอะไรด้วยกัน แต่หนูเป็นคนอินโทรเวิร์ต หนูเป็นคนชอบทำอะไรคนเดียว อยู่คนเดียว พ่อหนูบอกว่าหนูเป็นคนที่ไม่เหมือนใครจริงๆ นะ”
หลังจบการแข่งขัน ท่ามกลางการสัมภาษณ์ของสื่อมวลชนและแฟนกีฬาจากนานาประเทศที่รู้สึกประทับใจกับผลงานของเอสทีที่ทำได้อันดับที่ 17 จาก 22 คน ทำคะแนนรวมได้ 200.75 คะแนน
เรามีโอกาสถามเอสทีว่า รู้สึกอย่างไรที่เป็นคนเปิดประตูให้นักกีฬาไทยได้มาแข่งขันในกีฬาสเกตบอร์ดของมหกรรมกีฬาโอลิมปิกแล้ว
ซึ่งคำตอบของเอสทีก็ยังคงสร้างเซอร์ไพรส์ได้เช่นเดิมว่า
“ครั้งนี้หนูเอาธงชาติไทยขึ้นสู่ยอดเสาได้ในฐานะคนที่เข้าร่วมแข่งขันก็รู้สึกภูมิใจมาก
“ครั้งนี้หนูมาเอาประสบการณ์ แต่ครั้งหน้าหนูจะเอาธงชาติไทยมาคลุมตัว
“ครั้งหน้าหนูจะมาคว้าเหรียญโอลิมปิก”
เราถามต่ออีกครั้งว่า แอลเอ 2028 เราจะเจอกันอีกใช่ไหม
“ใช่ หนูจะกลับมาคว้าเหรียญโอลิมปิก” เอสทีตอบเรา