เริ่มต้นขึ้นอย่างเป็นทางการแล้วสำหรับมหกรรมการแข่งขันกีฬาสุดยิ่งใหญ่ที่ผู้คนทั่วโลกตั้งตารอคอยอย่างโอลิมปิกเกมส์ ปารีส 2024 ที่ในปีนี้ประเทศเจ้าภาพอย่างฝรั่งเศสสร้างโชว์พิธีเปิดสุดยิ่งใหญ่อลังการที่ชวนให้ผู้คนทั่วโลกต้องอึ้ง ด้วยการนำเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ของฝรั่งเศสมาถ่ายทอดแบบจบครบในม้วนเดียว เรียงลำดับตั้งแต่เรื่องราวของพี่น้อง Lumière, การปฏิวัติฝรั่งเศส, วัฒนธรรมคาบาเรต์, ตัวละคร Minions, วรรณกรรมเจ้าชายน้อย และอีกมากมาย
แต่หนึ่งในโมเมนต์สำคัญก็ต้องยกให้การกลับคืนสู่เวทีอีกครั้งของนักร้องหญิงน้ำเสียงทรงพลังอย่าง Celine Dion ที่เธอมาปรากฏตัวในโชว์ช่วงท้ายของพิธีเปิด ณ หอไอเฟล ท่ามกลางสายฝนในกรุงปารีสกับเดรสกูตูร์จาก Christian Dior พร้อมด้วยการโชว์ร้องเพลง Hymne à l’amour ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นการโชว์ร้องเพลงของเธอครั้งแรกในรอบ 2 ปี หลังจากเธอยกเลิกโชว์และไม่ได้ร้องเพลงให้สาธารณชนได้ฟังเนื่องจากอาการเจ็บป่วยด้วยโรคคนแข็ง โดยหลังจากโชว์จบลงแล้ว เธอก็มาโพสต์ข้อความผ่าน X อีกด้วยว่า “รู้สึกเป็นเกียรติมากที่ได้มาแสดงในโชว์ค่ำคืนนี้ ปารีสเป็นหนึ่งในเมืองโปรดของเธอ และขอเป็นกำลังใจให้เหล่านักกีฬาที่มาร่วมแข่งขันด้วย”
อย่างไรก็ตาม นี่ไม่ใช่ครั้งแรกของเธอที่ได้แสดงโชว์ในพิธีเปิดโอลิมปิกเกมส์ เพราะในการแข่งขันโอลิมปิกเกมส์ ณ เมืองแอตแลนตา ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อปี 1996 เธอก็เคยร้องเพลง The Power of the Dream และมีผู้ชมพิธีเปิดครั้งนั้นกว่า 3,500 ล้านคนทั่วโลกเลยทีเดียว
ทั้งนี้ ก่อนเธอจะขึ้นโชว์ เมื่อไม่กี่เดือนก่อน Celine Dion เพิ่งให้สัมภาษณ์ถึงอาการเจ็บป่วยในสารคดี I Am: Celine Dion ว่าโรคนี้ส่งผลกับการร้องเพลงเป็นอย่างมาก แต่เธอไม่อยากให้โรคนี้มาทำลายส่วนหนึ่งของชีวิตไป ไม่ว่าอย่างไรเธอก็จะทำทุกวิธีให้กลับมาร้องเพลงให้ได้ ซึ่งเธอก็พูดประโยคหนึ่งว่า “ถ้าหากฉันวิ่งไม่ได้ ฉันก็จะเดิน ถ้าเดินไม่ได้ ฉันก็จะคลาน แต่ฉันจะไม่หยุดแน่” ดังนั้นการกลับมาครั้งนี้จึงเป็นโมเมนต์สำคัญของเธอและแฟนเพลงทั่วโลกเลยก็ว่าได้
ซึ่งเพลงที่ Celine Dion เลือกมาร้องในโชว์พิธีเปิด ณ หอไอเฟลนี้มีชื่อว่า Hymne à l’amour ของนักร้องดังชาวฝรั่งเศสผู้ล่วงลับ Édith Piaf จากปี 1950 ซึ่งเพลงนี้เป็นเพลงที่ศิลปินหญิงคนนี้แต่งให้กับนักมวยชาวฝรั่งเศส Marcel Cerdan ผู้เป็นคนรักของเธอที่จากไปด้วยอุบัติเหตุเครื่องบินตกในระหว่างบินจากปารีสมาหาเธอที่นิวยอร์กเมื่อปี 1949 และเพลงนี้ถูกแปลเป็นภาษาอังกฤษโดยลูกศิษย์ของเธอ Eddie Constantine ในชื่อ Hymn to Love และอยู่ในอัลบั้ม La Vie En Rose ของเธอนั่นเอง
นอกจากนี้เพลงรักสุดอมตะนี้ยังเคยถูกนำมาดัดแปลงเป็นภาษาไทยและร้องโดยศิลปินหญิงแห่งชาติ สวลี ผกาพันธุ์ ในชื่อเพลงว่า ถ้ารักฉันจริง อีกด้วย ซึ่งก็เรียกได้ว่าเพลงนี้ไม่ได้มีชื่อเสียงแค่ในยุโรป แต่ยังเป็นที่รู้จักในบ้านเราอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม Celine Dion เคยสร้างประวัติศาสตร์ในงาน American Music Awards 2015 ด้วยการร้องเพลงนี้เพื่อเป็นการไว้อาลัยให้กับผู้เสียชีวิตจากการก่อการร้ายในกรุงปารีส
และที่เธอเลือกร้องเพลงนี้ในพิธีเปิดโอลิมปิกเกมส์ ปารีส 2024 มันก็ยังคงทรงพลังอย่างน่าเหลือเชื่อ ทั้งยังเติมเต็มแรงบันดาลใจให้ผู้ชม รวมทั้งชวนให้เรารู้สึกอิ่มเอมจนเสียน้ำตา หรือแม้แต่รู้สึก ‘ขนลุก’ กับภาพการกลับมาอันยิ่งใหญ่ของเธอในเวทีอันทรงเกียรติแห่งนี้ และเหนือสิ่งอื่นใด สิ่งนี้ยังคงตอกย้ำได้ดีว่า ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน Celine Dion ก็จะเป็นนักร้องระดับตำนานที่ผู้คนทั่วโลกตั้งตารอคอยจะได้ฟังเสียงของเธอตลอดไป
https://www.youtube.com/watch?v=ifyz98_eWd4
ภาพ: Celine Dion / X
อ้างอิง:
