วันนี้ (21 กรกฎาคม) วิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส. แบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กล่าวถึงกรณีคดียุบพรรคก้าวไกล ที่ศาลรัฐธรรมนูญมีกำหนดนัดฟังคำวินิจฉัยในวันที่ 7 สิงหาคมนี้ โดยระบุว่า ขอบอกตามตรงว่าไม่ต้องเตรียมตัวอะไร เราเคยถกกันในเรื่องนี้มาหลายเดือนแล้ว จนตกผลึกมานาน วันที่ 7 สิงหาคมนี้ ก็ถือเป็นวันวันหนึ่งตามปกติ ส่วนศาลจะวินิจฉัยอย่างไร ท่านก็ทำหน้าที่ของท่านไปก็แล้วกัน
ส่วนเรื่องข้อกฎหมาย ผู้ร้องหรือคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ไม่ได้ทำตามระเบียบที่ตัวเองตราขึ้น ซึ่ง พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล ได้พูดไปครบถ้วนแล้ว ส่วนกรณีหลักฐานข้อเท็จจริงที่ผู้ร้องไปยื่นต่อศาล ซึ่งไม่ใช่ข้อเท็จจริง ชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคก้าวไกล ก็ได้นำมาเปิดเผยให้ดูแล้วว่าอะไรที่ไม่ใช่เรื่องจริงหรือคลาดเคลื่อน ถือว่าครบถ้วนแล้ว
ส่วนในแง่ของกฎหมาย หลักนิติรัฐ นิติธรรม ทางพยานท่านหนึ่งที่ได้รับการยอมรับจากสังคมพอสมควรคือ สุรพล นิติไกรพจน์ ได้ให้ความเห็นและหลักคิดไว้ตามสมควรแล้ว จึงเชื่อว่า 3 องค์ประกอบนี้ทำให้เราไม่ต้องกังวลอะไร ทั้งหมดอยู่ภายใต้หลักนิติรัฐ นิติธรรม เราก็เดินหน้าทำงานต่อไป พูดคุยถึงแผนงานในเดือนสิงหาคม-กันยายน เพราะเวลาหารือกันเราคุยกันเป็นรายไตรมาส ก็ไม่ได้มองว่าต้องเตรียมการอะไรเป็นพิเศษ
ส่วนจะวางฉากทัศน์อย่างไรหากผลออกมาเป็นบวกหรือลบ วิโรจน์ยืนยันว่าไม่ได้ถึงขั้นเตรียมขนาดนั้น แต่เราอยู่ในฐานะที่ไม่ตื่นตระหนกแต่ไม่ประมาท ถ้าผลออกมาแบบใดแบบหนึ่ง เราก็คิดอ่านอีกแบบหนึ่ง ซึ่งยังมีเวลา ไม่ต้องมานั่งรีบร้อนคิดอะไร
ส่วนหากออกมาเป็นลบจะส่งผลต่อประเทศอย่างไรนั้น วิโรจน์กล่าวว่า อันดับแรกคงต้องมีคำอธิบายให้ประชาชนเข้าใจได้ เพราะตอนนี้หากถามพรรคการเมืองอื่น ทางฝั่งรัฐบาลก็ดี ก็ไม่มีใครที่จะเห็นด้วยกับการยุบพรรค พร้อมย้อนถามว่า เราเห็นประเทศประชาธิปไตยไหนที่มีการยุบพรรคบ่อยๆ อย่างนี้คือพรรคของประชาชน ดังนั้นการยุบพรรคไม่ใช่ทางออกที่ดีของประเทศที่ปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตย ซึ่งก็ต้องมีคำอธิบายอยู่ภายใต้กรอบนิติรัฐ นิติธรรม ที่ประชาชนรับได้ด้วย