×

นายกฯ มอบนโยบาย ตชด. กำชับสกัดกั้นยาเสพติดทะลักชายแดน พร้อมดูแลสวัสดิการที่พักอาศัย-ปรับปรุง-จัดหายุทโธปกรณ์

โดย THE STANDARD TEAM
10.07.2024
  • LOADING...

วันนี้ (10 กรกฎาคม) ที่กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน (บช.ตชด.) เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เดินทางมามอบนโยบายและตรวจเยี่ยมการปฏิบัติราชการ บช.ตชด. โดยมี พล.ต.อ. ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ, พล.ต.ท. ยงเกียรติ มนปราณีต ผู้บัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน และคณะ ร่วมรับฟังนโยบาย

 

นายกฯ ได้ตรวจแถวกองเกียรติยศ และทำความเคารพอนุสาวรีย์ พล.ต.อ. เผ่า ศรียานนท์ อดีตอธิบดีกรมตำรวจ จากนั้นมอบนโยบายแก่ตำรวจ ตชด. โดย ผบช.ตชด. นำเสนอภารกิจและผลการปฏิบัติของ ตชด. ทั้งมิติด้านการป้องกัน ปราบปรามอาชญากรรม ความมั่นคง และการพัฒนาสังคม โดยเฉพาะโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน 222 ซึ่งตั้งอยู่ตามแนวชายแดนทั่วประเทศ

 

นายกฯ กล่าวว่า ขอชื่นชม ตชด. ซึ่งเป็นหน่วยตำรวจที่ทำภารกิจหลายมิติ แต่สังคมไม่ค่อยรับรู้ ทั้งมิติด้านการดูแลความมั่นคงชายแดนของประเทศ ด้านการป้องกัน ปราบปราม และสกัดกั้นอาชญากรรมตามแนวชายแดน โดยเฉพาะยาเสพติด สินค้าหนีภาษี และสินค้าเกษตร นอกจากนี้ยังมีภารกิจด้านการพัฒนาโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน

 

ภารกิจที่ ตชด. ทำอยู่ ส่งผลกระทบเชิงบวกในด้านเศรษฐกิจอย่างเห็นได้ชัด ยกตัวอย่างเช่น การสกัดกั้นยางพาราจากนอกประเทศ ส่งผลให้ราคายางดีขึ้น สินค้าเกษตรหลายอย่างราคาดีขึ้น ส่งผลดีต่อปากท้องของประชาชน ขณะที่ภารกิจด้านความมั่นคงที่ควบคู่กับการพัฒนาโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนทำได้ดีอยู่แล้ว แต่ขอให้เสริมอีก โดยให้คู่สมรสเข้าไปมีส่วนร่วมในการพัฒนาพื้นที่โรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน ผูกมิตรกับชาวบ้าน ซึ่งจะทำให้สามารถทำงานในพื้นที่ได้ดียิ่งขึ้น

 

นายกฯ กล่าวต่อว่า เรื่องสำคัญคือยาเสพติด ซึ่งเป็นปัญหาใหญ่สำคัญเทียบเรื่องปากท้อง ยาบ้าทะลักเข้ามาจำนวนมาก ขณะที่ตำรวจทำงานไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย เสียสละเวลา เสี่ยงต่ออันตรายทั้งหลาย เพื่อสกัดกั้นยาเสพติดตามแนวชายแดน ซึ่งทราบกันดีว่า 90% ของยาเสพติดมาจากต่างประเทศ

 

การป้องกัน สกัดกั้น จึงเป็นงานที่ท้าทาย ขอให้ทำต่อเนื่องและประสานงานกับหน่วยงานอื่นๆ โดยไม่มีเส้นแบ่ง ทำงานร่วมกันจะได้จัดการเรื่องยาเสพติดให้สิ้นซาก โดยวันนี้รัฐบาลได้ดำเนินการขับเคลื่อน มีจังหวัดนำร่องคือน่านและร้อยเอ็ด ขอให้ช่วยกันทำในการสกัดกั้น ปราบปราม โดยตั้งเป้าว่าสิ้นไตรมาส 3 ของปีนี้ จะเห็นเป็นรูปธรรม ชีวิตพี่น้องประชาชนจะได้อยู่เย็นเป็นสุข

 

รัฐบาลพร้อมสนับสนุนงบประมาณให้ภารกิจของ ตชด. โดยเฉพาะสวัสดิการของกำลังพล อุปกรณ์ ยุทโธปกรณ์เพื่อความปลอดภัย เสื้อเกราะ และเครื่องมือต่างๆ ที่จะสามารถให้เป็นต่อกับผู้ร้าย รัฐบาลยินดีสนับสนุนอย่างเต็มที่

 

จากนั้น ผบ.ตร. และ ผบช.ตชด. นำนายกฯ เดินสำรวจแฟลตพักอาศัยของ ตชด. ที่ตั้งอยู่ในบริเวณเดียวกับ บช.ตชด. ซึ่งมีอยู่ 8 อาคาร โดยนายกฯ ห่วงใยสวัสดิการของตำรวจ สั่งการให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) และ บช.ตชด. สำรวจความต้องการ และเสนองบประมาณในการจัดสร้าง ปรับปรุงแฟลต บ้านพัก รวมทั้งจัดหาเครื่องมือ ยุทโธปกรณ์ที่จำเป็น ส่งให้รัฐบาล โดยจะดำเนินการจัดสรรให้อย่างเหมาะสม รวมทั้งเน้นย้ำให้ ตชด. ไปกำหนดแนวทางเพื่อยกระดับสวัสดิการและพัฒนาคุณภาพของครูโรงเรียน ตชด.

 

ผบช.ตชด. ระบุว่า ตชด. ได้ดำเนินงานอย่างเข้มข้นตามข้อสั่งการ 11 ข้อของนายกฯ ที่ให้นโยบายแก่ ตร. เมื่อวันที่ 21 มีนาคมที่ผ่านมา โดยสั่งการกำชับให้กองกำกับการตำรวจตระเวนชายแดนที่ 11-44 เพิ่มความเข้มงวดในการลาดตระเวนและตั้งจุดตรวจ จุดสกัด ตามช่องทางเข้า-ออกตามแนวชายแดน ช่องทางธรรมชาติ และท่าข้ามต่างๆ ทั้งในเส้นทางหลักและเส้นทางรอง เพื่อป้องกันและสกัดกั้นการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทุกรูปแบบ โดยเฉพาะการลักลอบลำเลียงยาเสพติด สิ่งของ และสินค้าผิดกฎหมาย ทุกชนิด เช่น ยางพารา เนื้อสุกร และสินค้าหนีภาษีต่างๆ

 

กำชับให้กองบังคับการสนับสนุนทางอากาศ และกองบังคับการฝึกพิเศษ จัดกำลังพล ยานพาหนะ อาวุธยุทโธปกรณ์ และสิ่งอุปกรณ์ที่จำเป็น เตรียมพร้อมให้การสนับสนุนการปฏิบัติ โดยตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2566 – 30 มิถุนายน 2567 ตชด. ปฏิบัติการสืบสวน ปราบปราม สกัดกั้น อาชญากรรมอย่างต่อเนื่อง ปฏิบัติการการลาดตระเวนพื้นที่ จำนวน 12,638 ครั้ง ตั้งจุดตรวจ/จุดสกัด จำนวน 15,079 ครั้ง และมีผลการปฏิบัติในการปราบปรามอาชญากรรม 6 กลุ่ม ดังนี้

 

  1. การปราบปรามผู้กระทำความผิดตามประมวลกฎหมายยาเสพติด มีผลการจับกุมทั้งสิ้น 3,763 ราย (คดี) ผู้ต้องหา 4,112 คน ของกลาง ได้แก่ ยาบ้า 266,861,061 เม็ด, ไอซ์ 2,399.55 กก., ฝิ่น 95.88 กก. และเฮโรอีน 266.01 กก.

 

  1. การปราบปรามผู้กระทำความผิดตามพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง มีผลการจับกุมทั้งสิ้น 750 ราย (คดี) ผู้ต้องหา 3,164 คน (จำแนกสัญชาติต่างๆ ดังนี้ เมียนมา 2,404 คน, ลาว 313 คน, กัมพูชา 279 คน และอื่นๆ 168 คน)

 

  1. การปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม มีผลการจับกุมทั้งสิ้น 283 ราย (คดี) ผู้ต้องหา 109 คน มูลค่าความเสียหาย 18.64 ล้านบาท ไม้ของกลาง ได้แก่ ไม้พะยูง, ไม้สัก, ไม้กระยาเลย และไม้ชนิดอื่นๆ รวม 592 ลูกบาศก์เมตร

 

  1. การปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับอาวุธปืน อาวุธสงคราม และวัตถุระเบิด มีผลการจับกุม 529 คดี ผู้ต้องหา 532 คน (ของกลางเป็นอาวุธปืนชนิดต่างๆ รวม 545 กระบอก, ระเบิดขว้าง 4 ลูก, เครื่องยิงลูกระเบิด 29 กระบอก และกระสุนปืน 11,589 นัด)

 

  1. การปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับสินค้าหลบหนีภาษีศุลกากร มีผลการจับกุม 173 คดี ผู้ต้องหา 144 คน (ของกลาง ได้แก่ บุหรี่ 35,460 ซอง, สุรา 24,572 ขวด, ข้าวเปลือก 1,502 กก., น้ำมันเบนซิน 4,301 ลิตร, น้ำมันดีเซล 6,680 ลิตร, รถยนต์ 28 คัน และจักรยานยนต์ 90 คัน)

 

  1. การปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับการโจรกรรมรถยนต์และจักรยานยนต์ มีผลการจับกุม 39 คดี ผู้ต้องหา 12 คน ของกลาง ได้แก่ รถยนต์ 33 คัน และจักรยานยนต์ 51 คัน
  • LOADING...

READ MORE





Latest Stories

X
Close Advertising