“ถ้าคิดว่าเราเล่นน่าเบื่อ ก็เปลี่ยนไปดูอย่างอื่นสิ” คำพูดของ ดิดิเยร์ เดส์ชองส์ นายใหญ่ทีมชาติฝรั่งเศส กลายเป็นคำที่ถูกใช้ในพาดหัวข่าวตัวไม้ก่อนที่พลพรรค ‘เลส์ เบลอส์’ จะลงสนามในเกมรอบตัดเชือกกับทีมชาติสเปนในคืนนี้
ความจริงแล้วบทสนทนานี้เป็นการโต้ตอบหยอกเอิน (ปนหยิกนิดหนึ่ง) ระหว่างเดส์ชองส์ กับผู้สื่อข่าวชาวสวีเดน ที่ตั้งคำถามถึงปัญหาคาใจสำหรับหลายคนที่ผิดหวังกับผลงานของทีมชาติฝรั่งเศสในยูโร 2024 ที่ยังไม่สามารถทำประตูจากการเล่นปกติ หรือที่เรียกว่า ‘โอเพนเพลย์’ ได้เลยแม้แต่ประตูเดียว
ทั้งๆ ที่มองกันในเรื่องของ ‘คุณภาพ’ ผู้เล่นแล้ว ฝรั่งเศสถือเป็นหนึ่งในทีมที่ดีที่สุดของการแข่งขัน
การที่ ‘ไก่ไม่ขัน’ แบบนี้มันเกิดขึ้นเพราะอะไรกันแน่ และพวกเขายังมีโอกาสลุ้นถึงแชมป์ยูโร 2024 อยู่ไหม?
เส้นทางของทีมชาติฝรั่งเศสในฟุตบอลยูโรหนนี้ต้องบอกว่าหนืดและเหนื่อยกว่าที่ใครหลายคนคิด
โดยเฉพาะในรอบแรก เมื่อเอาชนะออสเตรียได้แบบหวุดหวิดในเกมแรก 1-0 พวกเขาทำได้เพียงแค่เสมอกับโปแลนด์และเนเธอร์แลนด์ด้วยสกอร์ 1-1 ทั้งสองนัด
ก่อนจะเฉือนเบลเยียมแบบลุ้นระทึกกว่าจะได้ประตูก็ต้องรอจนถึงช่วงท้ายเกมก่อนหมดเวลา 5 นาที ก่อนจะผ่านด่านโปรตุเกสมาได้ด้วยการดวลจุดโทษชนะ หลังเสมอกันในเวลา 120 นาทีแบบทำอะไรกันไม่ได้
ผลงานดังกล่าวแม้ว่าจะเป็นที่น่าพอใจในการเดินทาง แต่เรื่องราวระหว่างทางไม่เป็นที่ประทับใจของแฟนบอลและสื่อมวลชนมากนัก และนั่นนำไปสู่คำถามของผู้สื่อข่าวชาวสวีเดนที่เป็นตัวแทนถามคำถามคาใจของใครหลายคนว่าทำไมทีม ‘เลส์ เบลอส์’ ที่เต็มไปด้วยซูเปอร์สตาร์ถึงเล่นได้น่าผิดหวังแบบนี้
ทีมที่มี คีเลียน เอ็มบัปเป, มาร์คัส ตูราม, อองตวน กรีซมันน์, อุสมาน เดมเบเล, ร็องดาล โคโล มัวนี และ โอลิวิเยร์ ชิรูด์ กลับยิงใครด้วยฝีเท้าตัวเองไม่ได้เลย
3 ประตูที่ได้มาใน 5 เกมที่ลงสนาม ได้มาจาก 1 จุดโทษ และ 2 ลูกเข้าประตูตัวเองเท่านั้น
ปัญหาของฝรั่งเศสอยู่ตรงไหน? และมันเป็นปัญหาจริงๆ หรือเปล่า?
สิ่งที่เป็นดัชนีชี้วัดได้ดีในเรื่องนี้คือการมองไปยังเรื่องการสร้างสรรค์เกมรุก โดย 5 นัดที่ผ่านมาทีมชาติฝรั่งเศสมีสถิติดังนี้
- สร้างโอกาสในการยิงจากทั้งในกรอบเขตโทษและนอกกรอบเขตโทษ (ไม่นับจุดโทษและลูกเข้าประตูตัวเองของคู่แข่ง) ได้ทั้งหมด 86 ครั้ง
- ตัวเลข 86 ครั้งนี้ทำให้เป็นทีมที่มีโอกาสยิง (Shots) สูงเป็นอันดับที่ 4 ของยูโร 2024 (ทีมที่สร้างโอกาสยิงมากที่สุดคือสเปน 100 ครั้ง)
- ในบรรดา 4 ทีมที่ผ่านมาถึงรอบรองชนะเลิศ ฝรั่งเศสมีโอกาสยิงมากกว่าเนเธอร์แลนด์ (74) และอังกฤษ (58)
- โอกาส 86 ครั้งนี้มี 12 ครั้งที่ถือเป็นโอกาสได้ประตูสูง (Big Chances) ที่จะได้ประตู คิดเป็นอันดับที่ 5 ของการแข่งขันนับจนถึงตอนนี้ มากกว่าโครเอเชีย (11), จอร์เจีย, ฮังการี และอิตาลี (10) ซึ่งทั้งหมดที่พูดไม่มีทีมไหนผ่านรอบ 16 ทีมสุดท้ายได้
- แต่โอกาสได้ประตูสูง 12 ครั้ง ซึ่งคิดเป็น 13.8 เปอร์เซ็นต์ของโอกาสทั้งหมดนั้น ถือเป็นค่าเฉลี่ยที่ไม่ดีนัก เหนือกว่าทีมอื่นแค่ 7 ทีม
- ค่าคาดหวังได้ประตู (Expected Goals: xG) ของฝรั่งเศสตลอด 5 เกม อยู่ที่ 7.3 การที่ยิงประตูจากโอเพนเพลย์ไม่ได้เลยสะท้อนให้เห็นถึงการใช้โอกาสอย่างสิ้นเปลืองเปล่าประโยชน์
- ผู้เล่นที่สร้างโอกาสให้เพื่อนมากที่สุด 2 คนในทีมคือ ชูลส์ กุนเด (11 ครั้ง) และ เอ็นโกโล ก็องเต (10 ครั้ง)
จากสถิติดังกล่าวที่รวบรวม The Analyst (Stats Perform) สำนักสถิติอันดับหนึ่งของโลกฟุตบอล พอจะมองเห็นว่าปัญหาของฝรั่งเศสในเกมรุก น่าจะเป็นเรื่องของความคิดสร้างสรรค์ในการเล่น (Creativity) เพราะการที่กุนเดหรือก็องเตสร้างโอกาสได้มากกว่าคนอื่นในแนวรุก แปลว่าแนวรุกกำลังมีปัญหา
เดส์ชองส์อาจจะจำเป็นที่จะต้องหาใครสักคนที่เป็นผู้ถือกุญแจมาไขเปิดประตูให้จินตนาการของเลส์ เบลอส์ ได้รับการปลดปล่อย
จุดที่น่าสนใจเพิ่มเติมคือ เลอ เซเล็กซิยอนเนอร์ อาจจะค้นพบคำตอบบางอย่างจากเกมรอบ 8 ทีมสุดท้าย เมื่อนักเตะที่ประเดิมเกมแรกในฐานะตัวจริงก่อนกลายเป็นตัวสำรองอย่าง อุสมาน เดมเบเล ลงมาสร้างสีสันให้ทีมได้ดี
ในเกมกับโปรตุเกส เดมเบเลลงมาสร้างโอกาสได้ถึง 6 ครั้ง ซึ่งเป็นที่คาดว่าเขาจะได้โอกาสในการลงสนามแทนที่ อองตวน กรีซมันน์ ที่เล่นไม่ออกเลยในรายการนี้ แม้ว่าเดส์ชองส์จะพยายามหมุนเวียนตำแหน่งของเขาถึง 3 ตำแหน่ง เพื่อหาทางช่วยให้นักเตะที่เป็นคีย์แมนในเกมรุกของทีมสร้างสรรค์เกมได้อย่างที่คาดหวังก็ตาม
แต่กรีซมันน์ไม่ได้เป็นคนเดียวที่ประสบปัญหา
เอ็มบัปเปในฐานะกองหน้าเบอร์หนึ่งเองก็เจอสถานการณ์ที่ไม่คาดคิด เมื่อดั้งจมูกหักตั้งแต่เกมแรก ซึ่งแม้จะมีการรักษาเบื้องต้นให้กลับมาลงเล่นได้โดยสวมหน้ากากป้องกัน แต่การบาดเจ็บครั้งนี้ส่งผลต่อสภาพร่างกายและความมั่นใจไม่น้อย
ว่าที่กองหน้าเรอัล มาดริด มีโอกาสยิง 20 ครั้ง จาก 4 นัดที่ได้ลงสนาม แต่ประตูเดียวของเขามาจากการยิงจุดโทษ ซึ่งเป็นฟอร์มที่แตกต่างจากในฟุตบอลโลก 2022 ที่จบด้วยการเป็นดาวซัลโวและยิงแฮตทริกได้ในนัดชิงชนะเลิศอย่างเห็นได้ชัด
หนึ่งในประเด็นที่เอ็มบัปเปบอกคือเขาคิดถึงการผ่านบอลของ พอล ป็อกบา ที่ไม่ต้องทำอะไร “แค่หันไปมองแล้ววิ่งไปที่ว่าง บอลก็จะมาถึงเท้า” แต่ในความจริงแล้วกองกลางที่โดนโทษแบน 4 ปีจากการใช้สารกระตุ้น ก็ไม่ได้เล่นในฟุตบอลโลก 2022 แต่อย่างใด
ขณะที่ตูรามรุ่นลูก กับโคโล มัวนี ก็คาดหวังอะไรไม่ได้เหมือนกัน
เดส์ชองส์เองรับรู้ปัญหา และบอกตั้งแต่หลังจบเกมกับโปรตุเกสแล้วว่า “เราจำเป็นต้องทำประตูให้ได้มากกว่านี้ ถ้าเราทำประตูได้มาก เราจะจัดการอะไรได้เอง แต่ถ้าเรายิงไม่ได้ เราก็ต้องหวังความเมตตาจากคู่แข่ง”
สิ่งที่ดีที่สุดในทีมฝรั่งเศสชุดนี้คือเกมรับที่ทั้งผู้รักษาประตูอย่าง ไมค์ เมญอง และไลน์แบ็กโฟร์ที่ประกอบไปด้วย เตโอ แอร์กน็องเดซ, ดาโยต์ อูปาเมกาโน, วิลเลียม ซาลิบา และ ชูลส์ กุนเด เล่นได้อย่างแข็งแกร่งอย่างมาก โดยมีกองกลางอย่าง โอเรเลียง ชูอาเมนี และ เอ็นโกโล ก็องเต คอยเก็บงานให้อีกแรง
เขาว่าเกมรุกจะทำให้ทีมชนะ แต่เกมรับจะทำให้ทีมเป็นแชมป์
แต่ให้ดี เดส์ชองส์และแฟนเลส์ เบลอส์ คงไม่อยากโยนทุกอย่างให้เป็นภาระของเกมรับอย่างเดียว เพราะสเปน คู่แข่ง ช่างร้อนแรงเกินห้ามใจ
อะไรก็ได้ ใครก็ได้ กองหน้าทั้งหลายช่วยยิงทีเถอะ!
อ้างอิง: