ฟุตบอลยูโรครั้งแรกในชีวิตของ คริสเตียโน โรนัลโด เมื่อ 20 ปีที่แล้วคือครั้งที่น่าจดจำที่สุดในชีวิตของเขา
รายการแข่งขันฟุตบอลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของยุโรปมาจัดขึ้นที่ประเทศบ้านเกิดของเขา – เด็กหนุ่มจอมสับขาจากเกาะมาเดราที่กำลังห้าวจัดตามประสาแข้งวัยรุ่น – ที่สำคัญคือฟุตบอลยูโร 2004 ในปีนั้น โปรตุเกสสามารถเข้าไปถึงรอบชิงชนะเลิศได้ด้วย
น่าเสียดายที่พวกเขาไปพ่ายให้กับทีมจอมเซอร์ไพรส์ของรายการอย่างกรีซในรอบชิงชนะเลิศ ทำให้งานฉลองครั้งใหญ่ที่สุดต้องจบลงตั้งแต่ยังไม่ทันเริ่ม
วันนี้โรนัลโดกำลังจะนำโปรตุเกสลงชิงชัยในศึกฟุตบอลยูโร 2024 ซึ่งจะเป็นฟุตบอลยูโรครั้งที่ 6 ในชีวิต ซึ่งคงจะเป็นครั้งสุดท้ายแล้วสำหรับ ‘CR7’
เขาคาดหวังกับตัวเองแค่ไหน และเราคาดหวังจากเขาได้แค่ไหนจากนักเตะที่อายุเกือบ 40 ปีคนนี้?
ถึงแม้จะห่างหายจากสายตาของวงการฟุตบอลโลกไปมากนับจากที่ย้ายไปค้าแข้งกับอัล นาสเซอร์ ในซาอุดีอาระเบีย แต่โรนัลโดยังถือเป็นหนึ่งในซูเปอร์สตาร์ประจำรายการยูโร 2024 ที่กำลังจะเริ่มฟาดแข้งกันในประเทศเยอรมนี คืนวันศุกร์ที่ 14 มิถุนายนนี้
สิ่งที่น่าประหลาดใจคือ เขายังคงเป็นนักเตะในระดับแกนนำของโปรตุเกสเหมือนเดิม
ในรอบคัดเลือกที่ผ่านมา โรนัลโดออกสตาร์ทในฐานะตัวจริง 9 จาก 10 นัด จำนวนนาทีที่ลงเล่นเป็นรองเพียงแค่ บรูโน เฟอร์นานเดส และ รูเบน ดิอาส และยังคงรักษามาตรฐานของการถล่มประตูเอาไว้ โดยทำไปถึง 10 ประตูด้วยกัน
ล่าสุดในเกมอุ่นเครื่องกับทีมชาติไอร์แลนด์ สตาร์วัย 39 ปีทำคนเดียวอีก 2 ประตูในชัยชนะ 3-0 ซึ่งถือเป็นการส่งสัญญาณที่น่าสนใจ
ในขณะที่ ลิโอเนล เมสซี ทำความฝันของตัวเองให้สำเร็จได้ในฟุตบอลโลก 2022 ด้วยการพาอาร์เจนตินาคว้าแชมป์ฟุตบอลโลกสมัยที่ 3 ของชาติ และเป็นสมัยแรกในยุคของเขาที่ทำให้ได้รับการยกย่องว่าเป็นสุดยอดนักฟุตบอลตลอดกาล
โรนัลโดมีโอกาสจะพาโปรตุเกสสร้างตำนานด้วยการพิชิตแชมป์ยูโรสมัยที่ 2 ทั้งของเขาและของพวกเขา หลังเคยได้แชมป์ในปี 2016 ในการแข่งที่ประเทศฝรั่งเศส
โดยเฉพาะกับเจ้าตัวที่มีปมในนัดชิงชนะเลิศครั้งนั้นที่ได้รับบาดเจ็บที่เข่าตั้งแต่ต้นเกม และไม่สามารถลงเล่นต่อได้ไหว แต่ก็พยายามทำหน้าที่ในฐานะ ‘ผู้นำ’ ของทีมอย่างดีที่สุดด้วยการช่วยกระตุ้นทีมจากข้างสนาม เสมือนเป็นกุนซือคู่กับ เฟร์นานโด ซานโตส
ถ้าครั้งนี้โรนัลโดจะพาโปรตุเกสพิชิตแชมป์ได้ ก็จะเป็นความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ที่สุดสำหรับหนึ่งในนักฟุตบอลที่ยิ่งใหญ่และน่ายกย่องคนหนึ่งในประวัติศาสตร์โลก โดยเฉพาะในแง่ของการเป็นผู้ไม่เคยละความพยายาม
คำถามที่หลายคนอยากรู้คือ แล้วโรนัลโดในตอนนี้เหลือสภาพแค่ไหน?
ตัวเลขสถิติถือว่าน่าสนใจ เพราะนับจากย้ายไปเล่นในซาอุดีโปรลีก โรนัลโดกลับมาลงสนามได้อย่างต่อเนื่อง และผลงานการทำประตูที่ไม่ธรรมดา
ฤดูกาล 2023/24 เขาทำไป 50 ประตูให้กับอัล นาสเซอร์ โดยที่ในจำนวนนี้เป็นการยิงในลีก 35 ประตู ทำให้รับรางวัลรองเท้าทองคำของซาอุดีอาระเบียแบบสบายๆ และกลายเป็นนักฟุตบอลคนแรกของโลกที่ได้รางวัลดาวซัลโวใน 4 ประเทศที่แตกต่างกัน (อังกฤษ, สเปน, อิตาลี, ซาอุดีอาระเบีย)
เพียงแต่ ‘ระดับ’ ของซาอุดีโปรลีกก็มีส่วนสำหรับผลงานดังกล่าว โดยตามการคำนวณและจัดอันดับโดย Opta สำนักสถิติชื่อดังของโลก ลีกจากตะวันออกกลางอยู่ในลำดับที่ 27 ของโลก อันดับต่ำกว่าเค-ลีกของเกาหลีใต้ และเหนือกว่าลีกของอิสราเอลแค่อันดับเดียว
อัล นาสเซอร์ ของโรนัลโดก็ไม่ได้คว้าแชมป์ลีกได้ด้วย โดยทีมที่ได้แชมป์ลีกคืออัล ฮิลาล ที่ไม่แพ้ทีมใดเลยตลอดทั้งฤดูกาล (จะเรียกว่าเป็น The Invincibles ก็ได้…) ซึ่งสโมสรของ เนย์มาร์ ที่เป็นทีมใหญ่ที่สุดในซาอุดีอาระเบียได้รับการจัดอันดับว่าเป็นสโมสรอันดับที่ 39 ของโลก
แต่ถ้ามองเฉพาะตัวของโรนัลโดเอง ผลงานโดยส่วนตัวของเขาถือว่าดี การรักษาสภาพร่างกายยังน่าเหลือเชื่อเหมือนเดิม แม้จะอยู่ในวัย 39 ปีแล้วก็ตาม
มีสถิติตัวเลขหนึ่งที่น่าสนใจคือ ‘โอกาสการทำประตู’ ตามสถิติของ fbref.com ระบุว่า ในฤดูกาล 2022/23 ซึ่งเป็นฤดูกาลแรกของเขากับอัล นาสเซอร์ โรนัลโดมีโอกาสทำประตูเฉลี่ย 5 ครั้งต่อเกม
แต่ในฤดูกาล 2023/24 เขามีสถิติที่ 6.2 ครั้งต่อเกม ซึ่งใกล้เคียงกับช่วงท็อปพีคในยุคที่อยู่กับเรอัล มาดริด ในฤดูกาล 2015/16 (6.4) และ 2017/18 (6.9) – ขณะที่ตอนอยู่กับแมนฯ ยูไนเต็ด มีโอกาสแค่ 3.9 ครั้งต่อเกม
แปลว่าทักษะในการหาพื้นที่และตำแหน่งในการทำประตูของเขายังยอดเยี่ยมเหมือนเดิม
สภาพร่างกายเวลานี้แน่นอนว่าโรยรา แต่ก็ไม่เลวร้ายเหมือนช่วงฟุตบอลโลก 2022 ที่เป็นช่วงตกต่ำของชีวิต
และความมั่นใจมีเต็มเปี่ยม
อย่างไรก็ดี สำหรับตัวของโรนัลโดเอง เขาดูเหมือนจะไม่ได้คาดหวังถึงอะไรมากมายนัก
เพราะแค่การได้มีโอกาสยังติดทีมชาติและลงเล่นฟุตบอลรายการใหญ่ในวัยใกล้ 40 ปี แค่นี้ก็ถือเป็นของขวัญแล้ว
“ผมรู้ว่าผมเหลือเวลาในการเล่นฟุตบอลอีกไม่นาน การได้เล่นฟุตบอลต่อเนื่องหลังอายุ 35 ปีก็ถือเป็นของขวัญแล้ว” โรนัลโดกล่าว
“ผมอายุ 39 ปีแล้ว และตอนนี้สิ่งสำคัญสำหรับผมในทุกปีคือการมีความสุขกับตัวเอง การยิงประตูให้ทีมชาติถือเป็นเรื่องที่พิเศษ โปรตุเกสคือรักแท้ในชีวิตของผม”
ส่วนการคว้าแชมป์ยูโร?
“มันคือความฝัน”
ในวัยนี้เขาไม่ใช่คนที่แบกทุกอย่างของทีมเอาไว้แล้ว และโปรตุเกสเองก็มีนักเตะฝีเท้าดีมากมาย ไม่ว่าจะเป็นบรูโน เฟอร์นานเดส, รูเบน ดิอาส, ดีโอโก โชตา รวมถึงเพื่อนรักที่ไม่ยอมทิ้งกันอย่าง เปเป ที่อายุ 41 ปีแล้ว
แต่ไม่มีใครในทีมที่จะเป็น ‘ผู้นำ’ ของทุกคนได้เหมือนโรนัลโด
บางทีหากไม่รู้จะเชียร์ทีมอะไรในยูโรครั้งนี้ ขอฝากโรนัลโดและโปรตุเกสไว้ในอ้อมใจสักนิดแล้วกันนะ 🙂
อ้างอิง: