เกิดอะไรขึ้น:
ราคาหุ้น GULFปรับตัวลดลง 10% YTD เพราะมี Sentiment เชิงลบจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรระดับสูง และขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยนที่เกิดจากการอ่อนค่าของเงินบาทเทียบกับดอลลาร์สหรัฐใน 1Q67 อย่างไรก็ตาม InnovestX Research คาดว่าราคาหุ้นจะปรับตัวดีขึ้นเมื่ออิงกับปัจจัยกระตุ้นดังต่อไปนี้
ปัจจัยกระตุ้น #1: โมเมนตัมกำไรปกติแข็งแกร่งในช่วงที่เหลือของปีนี้ โดยคาดว่ากำไรปกติจะเพิ่มขึ้นสู่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ใน 2Q67 และจะเติบโตต่อเนื่องในช่วงที่เหลือของปีนี้ โดยได้แรงหนุนจากกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้นอีก 2,700MW สู่ 15,120MW ในปี 2567 ผ่านโครงการหลายโครงการ:
- โรงไฟฟ้า IPP ใหม่ GPD หน่วยที่ 3 (กำลังการผลิต 662.5MW เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ในเดือนมีนาคม 2567) และ GPD หน่วยที่ 4 (กำลังการผลิต 662.5MW เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ในเดือนตุลาคม 2567)
- โรงไฟฟ้า IPP ใหม่ที่โครงการโรงไฟฟ้าหินกอง (HKP) หน่วยที่ 1 (กำลังการผลิต 770MW เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ในเดือนมีนาคม 2567)
- การเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ตามแผนของโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนพื้นดิน โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนพื้นดินร่วมกับระบบกักเก็บพลังงาน และโครงการโซลาร์รูฟท็อป กำลังการผลิตรวม 605MW ในปี 2567
นอกจากนี้ ยังคาดการณ์ถึงส่วนแบ่งกำไรที่เพิ่มขึ้นจากบริษัทร่วมและการร่วมค้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากโครงการโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติ Jackson (มาร์จิ้นสูงขึ้นจากราคาก๊าซที่สูงขึ้น) หลังจากผลการดำเนินงานฟื้นตัว รวมถึง INTUCH THCOM และGulf Binance
ปัจจัยกระตุ้น #2: มุมมองเชิงบวกเกี่ยวกับการประมูลโรงไฟฟ้าที่กำลังจะมีขึ้นอีก 2 ครั้งในประเทศไทย โดยมีมุมมองเชิงบวกเกี่ยวกับการประมูลโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนที่กำลังจะมีขึ้นอีก 2 ครั้งในประเทศไทย: 1. เฟสที่ 2 ของโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน กำลังการผลิต 3.6GW และ 2. แผน PDP2024 ฉบับใหม่ ซึ่งคาดว่าจะเพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนอีก 30-40GW เพื่อเพิ่มสัดส่วนการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนในประเทศไทยเป็น 50% ภายในปี 2580
ปลัดกระทรวงพลังงานกล่าวว่า ร่างแผน PDP2024 จะเปิดประชาพิจารณ์ในเดือนมิถุนายน 2567 จากนั้นจะนำเสนอต่อคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) และ ครม. เพื่อขอความเห็นชอบใน 4Q67 ความคืบหน้าเกี่ยวกับเรื่องนี้จะเป็นปัจจัยสนับสนุนราคาหุ้นกลุ่มสาธารณูปโภคไทย
โดยในอดีตที่ผ่านมา ราคาหุ้นสาธารณูปโภคไทยส่วนใหญ่ปรับตัวเพิ่มขึ้นตามความคืบหน้าของแผน PDP2018 (ราคาหุ้น GULFปรับตัวเพิ่มขึ้น 113% ใน 12 เดือนหลังจากทำประชาพิจารณ์ในเดือนธันวาคม 2561) และการประมูลโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนเฟสแรก กำลังการผลิต 5GW (เพิ่มขึ้น 10% ภายใน 5 เดือนหลังจากทำประชาพิจารณ์ในเดือนเมษายน 2565)
ปัจจัยกระตุ้น #3: Valuation น่าสนใจ ราคาหุ้น GULFปรับตัวลดลง 10%YTD เทียบกับ SET ที่ลดลง 4.3%YTD จากความกังวลเกี่ยวกับอัตราผลตอบแทนพันธบัตรระดับสูง เนื่องจากโดยปกติแล้วราคาหุ้นสาธารณูปโภคไทยจะมี Correlation เชิงลบกับอัตราผลตอบแทนพันธบัตร และขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยนจากการอ่อนค่าของเงินบาทเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐใน 1Q67
อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าราคาหุ้นที่ลดลงสะท้อนประเด็นดังกล่าวไปแล้ว และคาดว่ากำไรปกติจะยังคงแข็งแกร่ง โดยได้รับการสนับสนุนจากกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญใน 2-3 ปีข้างหน้า ซึ่งสะท้อนถึงโอกาสในการเข้าซื้อสะสมหุ้น GULFเนื่องจากคาดว่ากำไรปกติจะเติบโต 28% ในปี 2567 และ 25% ในปี 2568
กระทบอย่างไร:
ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา ราคาหุ้น GULFปรับลง 3.03% สู่ระดับ 40.00 บาท ขณะที่ SET Index ปรับลง 2.31% สู่ระดับ 1,338.32 จุด
แนวโน้มผลประกอบการปี 2567:
ตลาดคาดว่ากำไรของ GULFจะเพิ่มขึ้น 28%YoY ในปี 2567 และ 25% ในปี 2568 และ InnovestX Research คาดว่า GULFจะรายงานกำไรเติบโตอย่างแข็งแกร่งสู่ระดับที่ทำสถิติสูงสุดใหม่ในปี 2567 ที่ 2.0 หมื่นล้านบาท โดยได้รับการสนับสนุนจากกำลังการผลิตดำเนินงานเพิ่มเติม (หลักๆ จากโครงการ GPD และโครงการโรงไฟฟ้าหินกอง) และส่วนแบ่งกำไรจาก INTUCH
สำหรับกลยุทธ์การลงทุน ยังคงคำแนะนำ Outperform สำหรับ GULFโดยให้ราคาเป้าหมายสิ้นปี 2567 อ้างอิงวิธี DCF ที่ 63 บาทต่อหุ้น (WACC 4.2%, Terminal Growth 2.5%)
ปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่ต้องติดตามคือ
- ผลตอบแทนจากการลงทุนในโครงการใหม่ต่ำกว่าคาด แต่ประวัติผลงานที่ดีเยี่ยมของ GULFในการพัฒนาโครงการให้แล้วเสร็จตามกำหนดและเป็นไปตามงบประมาณที่วางไว้จะช่วยลดความเสี่ยงนี้
- ยอดขายไฟฟ้าและไอน้ำของโครงการโรงไฟฟ้า SPP ให้แก่ลูกค้าอุตสาหกรรม อาจได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจที่อ่อนแอและต้นทุนเชื้อเพลิงสูง และความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับสภาพอากาศที่โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน
ปัจจัยเสี่ยงด้าน ESG ที่สำคัญคือ ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมจากการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล
ภาพ: Zoteva / Shutterstock