Bloomberg รายงานว่ากระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ แถลงถึงความประสงค์ที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดน จะนำนโยบายเรียกเก็บภาษีนำเข้าที่เคยถูกใช้ในสมัย โดนัลด์ ทรัมป์ ตอนช่วงปี 2561 กับสินค้าจากจีนกว่าร้อยรายการกลับมาใช้อีกครั้ง เพื่อเพิ่มกำแพงทางการค้าและปกป้องอุตสาหกรรมที่เป็นยุทธศาสตร์สำคัญของสหรัฐฯ
นโยบายดังกล่าวจะมีผลทำให้สินค้าราว 400 รายการที่เคยถูกละเว้นภาษีต้องกลับมาโดนเก็บภาษีอีกครั้ง โดยสินค้าทั้งหมดที่กำลังจะหมดอายุละเว้นภาษีที่เดิมถูกกำหนดไว้สิ้นเดือนนี้จะถูกยืดไปจนถึงวันที่ 14 มิถุนายน เพื่อให้มีเวลามากขึ้นในช่วงเปลี่ยนผ่าน และมีสินค้าประมาณ 164 รายการที่การละเว้นภาษีถูกขยายออกไปจนถึงเดือนพฤษภาคมของปีหน้า
สำหรับประเภทสินค้าที่ได้ยืดเวลาละเว้นภาษีจนถึงเดือนพฤษภาคม ปี 2568 คือสินค้าประเภทเครื่องยนต์ มอเตอร์ อุปกรณ์การแพทย์ รวมถึงสินค้าอย่างเบาะนั่งเด็กบนรถ กระเป๋าสะพายบางประเภท และเนื้อปูบางชนิดด้วย
นอกจากนี้การยกกำแพงการค้าด้วยภาษีครั้งนี้มีสินค้ามากกว่า 100 ชนิดที่ไม่ได้มีเสียงโต้แย้งจากประชาชนแต่อย่างใดว่าต้องการจะคงนโยบายละเว้นภาษีสินค้าพวกนั้นต่อไป หมายความว่าแนวโน้มของคนอเมริกันคือการเก็บภาษีหรือไม่เก็บไม่ได้ทำให้พวกเขาเสียประโยชน์มากจนต้องออกมาเรียกร้อง
ความเคลื่อนไหวครั้งนี้ของสหรัฐฯ มาในช่วงเวลาที่ประเทศประกาศว่าจะเพิ่มมูลค่าภาษีขึ้นอีก 4 เท่า สำหรับรถยนต์อีวีที่นำเข้าจากจีน และสินค้าอย่างเซมิคอนดักเตอร์ แบตเตอรี่ แผงโซลาร์ รวมทั้งแร่ธาตุต่างๆ เนื่องจากสหรัฐฯ ตั้งข้อหาว่าจีนขโมยสินทรัพย์ทางปัญญาของพวกเขาไป
ภาพ: Anton Petrus / Getty Images
อ้างอิง: