วันนี้ (20 พฤษภาคม) ชนินทร์ รุ่งธนเกียรติ สส. แบบบัญชีรายชื่อ และรองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ขอขอบคุณกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ที่ให้ความชัดเจนต่อกรณีข้าวในโกดังที่จังหวัดสุรินทร์ ในโครงการรับจำนำข้าว ว่ามีคุณภาพตามมาตรฐาน สามารถจำหน่ายได้ มีสารอาหารเทียบเท่าข้าวที่ขายตามท้องตลาดปัจจุบัน ไม่มีสารเคมีตกค้างและการปนเปื้อนจากเชื้อรา
สอดคล้องกับที่มีสื่อมวลชนได้นำไปทดสอบกับห้องตรวจเอกชนก่อนหน้านี้ จึงสนับสนุนให้รัฐบาลเร่งระบายข้าวทั้ง 2 โกดังนี้อย่างเต็มที่ เพื่อนำรายได้กลับเข้ารัฐในราคาที่เหมาะสม และคลี่คลายปัญหาการระบายข้าวที่ค้างคาเกินความจำเป็นมาเป็นเวลากว่า 10 ปี ทำให้ประเทศเสียโอกาสไปมาก
“รัฐบาลทราบดีตั้งแต่ต้นว่าข้าวใน 2 โกดังนี้ไม่ได้มีคุณภาพ 100% เหมือนข้าวใหม่ แต่ต้องยืนยันว่ายังจัดเป็นข้าวดีที่มีคุณภาพเพียงพอจะจำหน่ายได้ และไม่เคยมีความคิดปกปิดซ่อนเร้นสิ่งใด จึงได้แสดงความจริงใจผ่านการเชิญสื่อมวลชนเข้าติดตามทั้งกระบวนการมาโดยตลอด” ชนินทร์กล่าว
ส่วนกรณีที่มีข้อเรียกร้องให้สะสางคดีในอดีตนั้น ส่วนตัวเห็นว่า ปรากฏเป็นข่าวชัดเจนอยู่แล้วว่ามีการฟ้องร้องดำเนินคดีต่อกรณีต่างๆ อยู่ ทั้งโกดังที่มีการปล่อยปละละเลยการจัดเก็บตามมาตรฐานสัญญา หรือกรณีที่มีการประเมินข้าวเกรดสูงตัดเกรดเป็นข้าวเกรดต่ำเพื่อระบายในราคาถูก เป็นต้น เชื่อว่ากระบวนการยุติธรรมจะให้ความชัดเจนและความเป็นธรรมต่อไป
“ผลการตรวจสอบข้าวทั้งจากรัฐและเอกชนยืนยันตรงกันแล้ว ว่าข้าวมีมาตรฐานเพียงพอจะจำหน่ายได้ อยากให้กลุ่มที่มีอคติกับโครงการรับจำนำข้าวมูฟออน เลิกวิพากษ์วิจารณ์ข้าวเสียๆ หายๆ เลิกทำลายความน่าเชื่อถือของข้าว และทำร้ายชาวนาไทย เพียงเพื่อหวังจะดิสเครดิตรัฐบาล แล้วเปิดใจรับทราบความตั้งใจดีในการทำงานของรัฐบาล และช่วยกันประชาสัมพันธ์ประเทศในแง่บวกจะดีกว่า” ชนินทร์กล่าว
คาดสิ้นเดือนนี้ประกาศขายข้าว
ขณะที่ กฤษณรักษ์ ใจดี รักษาการผู้อำนวยการองค์การคลังสินค้า (อคส.) กล่าวว่า หลังจากที่มีผลการตรวจสอบคุณภาพข้าวที่มีการเก็บรักษาไว้ใน 2 คลังดังกล่าวออกมาว่ามีคุณภาพนั้น ขณะนี้อยู่ในกระบวนการของคณะกรรมการตรวจสอบและวางกรอบการทำงานเพื่อการประกาศขายข้าวทั้งหมด 15,013.24 ตัน คาดว่าไม่เกินสิ้นเดือนพฤษภาคมนี้ ทาง อคส. จะประกาศจำหน่ายข้าวในสต็อกเป็นการทั่วไป
อย่างไรก็ตาม หากจะมีการนำข้าวดังกล่าวมาจำหน่ายต้องมีขั้นตอนการปรับปรุงคุณภาพข้าว นำสิ่งแปลกปลอมที่ปนอยู่ออกก่อน จึงจะนำมาจำหน่ายได้ ส่วนจะสามารถส่งออกไปจำหน่ายต่างประเทศได้หรือไม่นั้น กรมการค้าต่างประเทศจะต้องเป็นผู้ดำเนินการ ซึ่งอาจมีการตรวจหาสารเคมีซ้ำหรือไม่ ก็ต้องไปดูรายละเอียด