วันนี้ (20 พฤษภาคม) ตามเวลาท้องถิ่นของกรุงโรม สาธารณรัฐอิตาลี ซึ่งช้ากว่าประเทศไทย 5 ชั่วโมง เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เปิดเผยหลังจากเดินทางไปเยี่ยมชมสนามแข่งรถ Autodromo Enzo e Dino Ferrari (ออโตโดรโมเอ็นโซเอดิโนเฟอร์รารี) ที่เมืองโบโลญญา และพบกับผู้บริหารสนาม ซึ่งเป็นสนามที่เป็นประวัติศาสตร์ โดยรัฐบาลไทยต้องการสนับสนุนด้านการท่องเที่ยวให้มีการแข่งขันกีฬาระดับโลก ซึ่ง F1 ใน 1 ปีจะมีการแข่งขันกว่า 20 สนามตามเมืองต่างๆ ทั่วโลก แต่ไม่เคยจัดขึ้นที่ไทย ดังนั้นรัฐบาลจึงต้องการที่จะให้มีการจัดการแข่งขันขึ้นที่ประเทศไทย
เศรษฐากล่าวว่า วันนี้ได้เชิญ ฉัตรชัย พรหมเลิศ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) และ กวิน กาญจนพาสน์ กรรมการและกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) ที่เป็นผู้ได้รับการทำสัมปทานสนามบินอู่ตะเภา ซึ่งมีที่ดินอยู่บริเวณดังกล่าวจำนวนมาก หากได้รับเลือกให้เป็นหนึ่งในสนามแข่งขันก็จะใช้ที่ดินบริเวณอู่ตะเภา
“รัฐบาลจึงให้ความมั่นใจว่าไทยมีความพร้อมในการสร้างสนามแข่งขันอย่างเร็วที่สุด ในปี 2027 หรืออย่างช้าที่สุดปี 2028 โดยมีผู้สนับสนุนรายใหญ่ คือ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) อย่างเช่นเมื่อครั้งที่ประเทศมาเลเซียเป็นเจ้าภาพในการจัดการแข่งขัน ก็มีบริษัทปิโตรนาสเป็นผู้สนับสนุน เชื่อว่าทั้งผู้จัดและเราก็มีความต้องการให้จัดการแข่งขัน มั่นใจว่าภายในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้จะมีข่าวดี” เศรษฐากล่าว
โดยเศรษฐากล่าวว่า มั่นใจว่าจะมีการจัดการแข่งขันขึ้นที่ประเทศไทยอย่างแน่นอน เพราะได้รับการตอบรับจากผู้จัดเป็นอย่างดี และมีทีม Red Bull Racing และนักแข่งที่เป็นคนไทย ก็อยากจะเห็นสนามการแข่งขันในประเทศไทย
เศรษฐากล่าวว่า นอกจากจะมีการแข่งขัน F1 แล้ว ก็จะมีการจัดการแข่งขัน F2 ซึ่งเป็นลีกรองลงมาอีกด้วย ซึ่งมีการจัดการแข่งขัน 3 วันเช่นเดียวกัน รวมถึงนักแข่งประเภทเยาวชนด้วย ขณะเดียวกันยังไม่ได้ประเมินว่าหากมีการแข่งขันแล้วจะมีรายได้เข้าประเทศมากน้อยเพียงใด ขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการ แต่จากที่สังเกตเห็นในสนามตั๋วเข้าชมระดับวีไอพีต่อคนราคาประมาณ 5,000-8,000 ดอลลาร์สหรัฐ และยังมีรายได้จากช่องทางอื่น ทั้งผู้สนับสนุนหรือการเปิดบูธขายอาหาร
เศรษฐากล่าวอีกว่า ในมุมของเศรษฐกิจยังมีเรื่องของนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางเข้ามาในประเทศ ทำให้เกิดการใช้จ่าย ทั้งค่าที่พัก ค่าเดินทาง ค่าอาหาร ซึ่งรัฐบาลสามารถจัดกิจกรรมเสริมในช่วงเวลานั้นได้อีก รวมถึงการเดินทางไปท่องเที่ยวได้หลายจังหวัด และเชื่อว่าจะสร้างผลกระทบเชิงบวกในทางเศรษฐกิจได้อย่างมหาศาล แต่ขณะนี้ยังมีรายละเอียดเชิงลึกที่จะต้องหารือกันอีก