เมื่อคืนวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา (16 พฤษภาคม) ราคาหุ้น Walmart (WMT) ปรับตัวขึ้นกว่า 7% พุ่งแตะจุดสูงสุดตลอดกาลที่ 64.01 ดอลลาร์ หลังลูกค้ากลุ่มรายได้สูงผลักดันให้ผลประกอบการด้านอีคอมเมิร์ซและธุรกิจใหม่ด้านการโฆษณาเติบโต
โดยรายได้ของ Walmart ณ สิ้นไตรมาส 1 ปี 2024 แตะ 1.61 แสนล้านดอลลาร์ เติบโตจากปีก่อนราว 6% จาก 1.52 แสนล้านดอลลาร์
ในขณะที่ตัวเลขกำไรก็พุ่งสูงถึง 5.1 พันล้านดอลลาร์ เติบโตจากปีก่อนราว 200% จากที่ระดับ 1.67 พันล้านดอลลาร์
แม้ว่าการเติบโตของยอดขายจากร้านเดิม (Same Store Sales Growth) จะเพิ่มขึ้นเพียง 3.8% แต่รายได้จากอีคอมเมิร์ซของ Walmart ก็เติบโตกว่า 22% จากปีก่อนหน้า ทั้งผ่านช่องทางการรับสินค้าที่หน้าร้านและการจัดส่งออนไลน์
John David Rainey ประธานเจ้าหน้าที่การเงินของ Walmart กล่าวว่า ด้วยความที่ราคาของอาหารตามร้าน และราคาของการทำอาหารเองที่บ้านแตกต่างกันมากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ผู้คนหันมาซื้อสินค้าจาก Walmart มากขึ้น
Bill Simon อดีตประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Walmart กล่าวกับสำนักข่าว CNBC ว่าราคาหุ้นของ Walmart ในขณะนี้อาจจะเป็นฟองสบู่ เพราะการปรับตัวขึ้นของรายได้ที่มาจากลูกค้ากลุ่มรายได้สูง (High Income Consumer) ซึ่งอาจยากที่รักษาระดับนี้ไว้ได้ในระยะยาว เนื่องจากปัจจัยเงินเฟ้อที่อยู่ในระดับสูงในตอนนี้กำลังเป็นปัจจัยกระตุ้นระยะสั้น และดันให้ลูกค้าทั้งกลุ่มรายได้สูงและรายได้ปานกลางถึงน้อยหันมาหาร้านค้าลดราคาอย่าง Walmart
แต่เมื่อทิศทางเงินเฟ้อกลับตัว ลูกค้ารายได้สูงกลุ่มนี้อาจเริ่มกลับไปใช้จ่ายในร้านค้าอื่นๆ ดังเดิมได้ และแม้ Bill จะมองว่า Walmart เป็นฟองสบู่อยู่ในตอนนี้ แต่เขาก็ยังมองว่าเป็นการลงทุนที่ดีสำหรับระยะเวลาอีก 12 เดือนข้างหน้า
อ้างอิง: