วันนี้ (7 พฤษภาคม) บรรยากาศที่ทำเนียบรัฐบาลก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เศรษฐา 1/2 ซึ่งเป็นการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) นัดแรก มีรัฐมนตรีใหม่ทยอยเข้าทำเนียบรัฐบาลมาตั้งแต่ช่วงเช้า โดยมี พิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เดินทางมาถึงคนแรกเวลา 07.40 น. เพื่อสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำทำเนียบรัฐบาล ตามมาด้วย สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม
จากนั้นเวลา 08.25 น. นายกรัฐมนตรีได้เดินลงมาบริเวณด้านหน้าตึกไทยคู่ฟ้า เพื่อตรวจความพร้อมในการถ่ายรูปหมู่ของคณะรัฐมนตรี พร้อมทั้งเร่งรัดให้มีการถ่ายภาพหมู่เร็วขึ้น เนื่องจากเกรงว่าฝนจะตก
จากนั้นเวลา 09.00 น. นายกรัฐมนตรีได้เดินกลับไปยังตึกไทยคู่ฟ้า และได้มีฝนตกลงมาเล็กน้อย จึงได้ย้ายการถ่ายภาพหมู่ไปที่ห้องโถงของตึกสันติไมตรีแทน
ไม่ขอกำหนดกรอบเวลาตั้ง KPI รัฐมนตรีใหม่
ก่อนหน้านั้นนายกรัฐมนตรีได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนถึงการแบ่งงานของรัฐมนตรีกระทรวงต่างๆ ว่าต้องให้เกียรติรัฐมนตรี และรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงต่างๆ ว่าจะแบ่งการกันอย่างไร ส่วนในตำแหน่งของรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ขณะนี้มีการแบ่งงานเรียบร้อยแล้ว 95% ซึ่งบางกระทรวงอาจจะต้องมีการพูดคุยกับรัฐมนตรีคนเก่าถ้ายังมีงานค้าง เพราะการดูแลประชาชนก็ต้องให้เขาช่วยเหลือ
ส่วนจำเป็นต้องพูดคุยกับรัฐมนตรีคนเก่าหรือไม่ เศรษฐากล่าวว่า แล้วแต่หากท่านสะดวก หรือจะพูดคุยกับปลัดกระทรวงก็ได้ ตนไม่อยากให้เป็นบรรทัดฐานในการทำงาน บางครั้งก็มีโครงการค้างอยู่ที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชนอย่างไรก็ต้องทำต่อไป
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า นายกรัฐมนตรีโฟกัสนโยบายเรื่องใดเป็นพิเศษหรือไม่ เศรษฐากล่าวว่า ไม่มี เราทำทุกเรื่องตามนโยบายที่แถลงไว้ต่อรัฐสภา อันนี้เป็นเรื่องที่ให้ความสำคัญมาก โดยให้ยึดตามความเหมาะสมและความสามารถของแต่ละบุคคล
เศรษฐากล่าวถึงการปรับคณะรัฐมนตรีครั้งนี้จะทำให้ประชาชนเชื่อมั่นมากขึ้นหรือไม่นั้น ตนว่าความเชื่อมั่นมากับผลงาน การพูดจาอะไรมันก็เป็นส่วนหนึ่งเหมือนกับการให้ความคาดหวัง แต่ทุกอย่างขึ้นอยู่กับผลงาน อยากจะขอความยุติธรรมด้วยว่า หลายๆ นโยบายต้องค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไป ไม่ว่าจะเป็นการลงทุนหรือการแก้ไขปัญหาปากท้องประชาชน รวมไปถึงเรื่องสิทธิเสรีภาพ ตนเชื่อว่าเรื่องเหล่านี้น่าจะได้เริ่มต้น
นายกรัฐมนตรียังระบุอีกว่า การทำงานกับข้าราชการไม่มีปัญหา และคิดว่าข้าราชการเป็นส่วนหนึ่ง และเป็นส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนนโยบายสำคัญ โดยจะต้องมีการพูดคุยกันและเน้นเนื้องานเป็นหลัก แต่ปัญหาวันนี้มันอยู่ที่ว่าปัญหาใหญ่เหลือเกิน อันนี้คือปัญหามากกว่า เพราะหากปัญหาใหญ่มากๆ ก็ต้องใช้ทุกภาคส่วน
และเมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า นายกรัฐมนตรีจะต้องมีการกำหนด KPI รัฐมนตรีใหม่หรือไม่ว่าผลงานต้องเห็นชัดภายในกี่เดือนหรือไม่ เศรษฐากล่าวว่า ต้องมีการพูดคุยกัน บางเรื่องต้องให้เสร็จเมื่อไร บางเรื่องเราก็อาจจะพูดถึงสิ่งที่เราอยากเห็น เงื่อนงำของเวลา บางครั้งก็มีตัวแปรอื่นที่มันไม่สามารถควบคุมได้ แต่ KPI พวกนี้เราก็สามารถปรับเปลี่ยนได้ตลอด
ผู้สื่อข่าวถามต่ออีกว่า จะมีการกำหนด KPI ในระยะเวลา 6-7 เดือนเหมือนเดิมหรือไม่ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ไม่เกี่ยว บางเรื่องหากต้องจบภายใน 2 สัปดาห์ก็ต้องจบ บางเรื่องต้องใช้เวลา 2-3 ปีก็มี แล้วแต่ความ เพราะหลายเรื่องมันต้องใช้เวลา เช่น เรื่องการลงทุนต้องประสานงานกับทุกฝ่าย แต่ตนมั่นใจว่าคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ทุกคนจะให้ความสำคัญกับปัญหาของประชาชนหลังเป็นหลัก
ขณะที่ ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวถึงการแบ่งงานของรัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์ ซึ่งมี สุชาติ ชมกลิ่น เป็นรัฐมนตรีช่วยคนใหม่ ว่า การทำงานของกระทรวงพาณิชย์จะต้องทำงาน ซึ่งเชื่อมั่นว่าจะสามารถทำงานได้เป็นอย่างดี กระทรวงพาณิชย์เราทำงานเป็นทีม ไม่ใช่ของพรรคใดพรรคหนึ่ง พร้อมยืนยันว่าสามารถทำงานร่วมกันได้อย่างราบรื่นและดีใจที่ได้คนเก่งทั้งสองคน
ส่วน สุชาติ ชมกลิ่น กล่าวว่า ตนเองดีใจ ตนเองทำงานตามนโยบายของท่านรองนายกรัฐมนตรีภูมิธรรมและทำตามนโยบายรัฐบาล