×

จากทีมรั้งท้ายในตารางสู่แชมเปียนพรีเมียร์ลีก ‘เลสเตอร์ ซิตี้’ ผู้สร้างปาฏิหาริย์ให้เป็นไปได้ บนลีกสูงสุดอังกฤษ [ADVERTORIAL]

โดย THE STANDARD TEAM
07.05.2024
  • LOADING...
เลสเตอร์ ซิตี้

หากเมื่อ 10 ปีก่อนมีคนบอกว่า ‘จิ้งจอกสยาม’ เลสเตอร์ ซิตี้ จะคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกในฤดูกาล 2015/16 คงมีผู้คนหัวเราะเยาะใส่เป็นแน่ ด้วยอัตรา 5,000/1 ซึ่งน้อยกว่าทีมกลางตารางและท้ายตารางอื่นๆ เสียอีก แต่ทว่ายังไม่ทันจะจบครบ 38 นัดในลีกสูงสุดของเมืองผู้ดี เลสเตอร์ ซิตี้ ก็เถลิงแชมป์ระดับสูงสุดอย่างยิ่งใหญ่​หักปากกาเซียนดังทุกสำนักอย่างสง่างาม ด้วยผลงานของนักเตะที่แจ้งเกิดอย่าง เจมี วาร์ดี กองหน้าตัวเก่ง รวมถึง ริยาด มาห์เรซ และ เอ็นโกโล ก็องเต ภายใต้การกุมบังเหียนของ เคลาดิโอ รานิเอรี ผู้จัดการทีมชาวอิตาลี

 

คีย์แมนคนสำคัญที่ทำให้ทีมประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่นั้นคือ​ วิชัย ศรีวัฒนประภา ประธานกรรมการกลุ่มบริษัท บริษัท คิง เพาเวอร์ ณ เวลานั้น ที่เข้ามาเป็นฟันเฟืองหลักในการสร้าง ‘ปาฏิหาริย์สู่ความเป็นไปได้’

 

อะไรคือปัจจัยความสำเร็จของ เลสเตอร์ ซิตี้? ภายใต้การบริหารของ วิชัย ศรีวัฒนประภา​ ที่พาทีมนอกสายตาอย่าง เลสเตอร์ ซิตี้ ขึ้นสู่บัลลังก์สูงสุดของลีกฟุตบอลอังกฤษ

 

วันนี้ THE STANDARD SPORT จะพาไปค้นหาคำตอบกัน

 


 

History และ Passion การเปลี่ยนผ่านสู่ ​‘จิ้งจอกสยาม’

 

เลสเตอร์ ซิตี้ นับเป็นทีมฟุตบอลที่มีคาแรกเตอร์ของนักสู้ที่เหมาะกับฉายาของทีมอย่าง​ ‘Foxes Never Quit’ หรือ ‘จิ้งจอกไม่เคยยอมแพ้’ ที่ทีมต้องต่อสู้เพื่อไต่เต้าและรักษาอันดับให้อยู่รอดในลีกระดับสูงสุดของอังกฤษมาโดยตลอด โดยแรกเริ่มเดิมทีทีม ‘เลสเตอร์ ฟอสส์ เอฟซี’ (ชื่อดั้งเดิมของเลสเตอร์ ซิตี้) เกิดขึ้นจากการฟอร์มทีมของบาทหลวงและนักเรียนในเมืองเลสเตอร์ ที่ต่อสู้แข่งขันจนทีมเริ่มเป็นที่รู้จักในเมือง แม้ในบางครั้งจะต้องระหกระเหินไปหลากหลายสนาม แต่ในที่สุดปี 1891 เลสเตอร์ได้ปักหลักที่ ‘ฟิลเบิร์ตสตรีท’ ซึ่งในเวลานั้นรู้จักกันในชื่อ ‘วอลนัทสตรีทกราวด์’

 

 

เมื่อลงหลักปักฐานได้แล้ว เลสเตอร์ ซิตี้ ก็กัดฟันต่อสู้มานานถึง 14 ปี เพื่อจะผลักตัวเองขึ้นสู่ลีกสูงสุดของประเทศอังกฤษ เพื่อเป็นการตอบแทนแฟนบอลที่เพิ่มขึ้นกว่า 13,000 คนได้สำเร็จ แม้ในระหว่างนั้นจะเจอปัญหาสงครามและปัญหาทางการเงินจนต้องเปลี่ยนชื่อเป็น ‘เลสเตอร์ ซิตี้’ ในปี 1919 และย้ายมายังสนามใหม่ที่ชื่อ วอล์กเกอร์สเตเดียม (คิง เพาเวอร์ สเตเดียม ในเวลาต่อมา) ในปี 2002  เลสเตอร์ ซิตี้ ก็พบกับจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญของประวัติศาสตร์สโมสร เมื่อกลุ่มทุนชื่อ เอเชียนฟุตบอลอินเวสต์เมนท์ ซึ่งนำโดย วิชัย​ ศรีวัฒนประภา​ เจ้าของบริษัท คิง เพาเวอร์ จากประเทศไทย เข้ามารับหน้าที่ประธานสโมสรในปี 2010

 

วิชัย ศรีวัฒนประภา ชายผู้ไขกุญแจแห่งความสำเร็จ​ 

 

 

เบื้องหลังความสำเร็จของการคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก และแชมป์เอฟเอคัพในปี 2021 มาได้นั้น เกิดจากกลยุทธ์​หรือกุญแจดอกสำคัญที่วิชัย​นำมาใช้บริหารทีม​ คือ การลงทุนกับ ‘คน’ โดยใช้ต้นทุนที่เรียกว่า ‘ใจ’ แสดงความจริงใจนับตั้งแต่ก้าวแรกที่เข้ามาในสโมสร ตั้งปณิธานอันแน่วแน่ที่จะพา​ เลสเตอร์​ ซิตี้​ ทีมนอกสายตา​ ให้เป็นที่จับจ้องในสายตาคนทั้งโลก​ ด้วยความภาคภูมิ​ใจ​ในฐานะทีมของคนไทยทั้งประเทศ

 

 

และอีกคีย์แมนคนสำคัญของทีม คงจะเป็นใครไม่ได้นอกจาก เจมี วาร์ดี ที่ดึงตัวมาจากทีมนอกลีก แต่กลับมีความไวและฝีเท้าเกินระดับ ซึ่งเขาก็แสดงออกในฤดูกาลที่คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกด้วยการสร้างสถิติยิงติดต่อกัน 11 นัด จนกลายเป็นสถิติสูงสุดของพรีเมียร์ลีก ประสานด้วยนักเตะดั้งเดิมอย่าง แคสเปอร์ ชไมเคิล, เวส มอร์แกน และแดนนี่ ดริงก์วอเตอร์ ก่อนจะเสริมทัพด้วย ริยาด มาห์เรซ และ เอ็นโกโล ก็องเต ซึ่งแต่ละคนล้วนเป็นหัวใจหลักในการคว้าแชมป์ภายใต้การคุมทีมของโค้ชใหม่ของทีมในเวลานั้นอย่าง เคลาดิโอ รานิเอรี ผู้จัดการทีมชาวอิตาลีผู้มากประสบการณ์


เมื่อฟันเฟืองแห่งความสำเร็จถูกประกอบเข้าด้วยกัน ปาฏิหาริย์​สู่ความเป็นไปได้จึงปรากฏออกมา คือการเลื่อนชั้นสู่พรีเมียร์ลีกด้วยการคว้าแชมป์เดอะแชมเปียนชิป ที่มาพร้อมสถิติอันยอดเยี่ยมในฤดูกาล 2013/14 แม้ปีแรกจะต้องหนีตายจากทีมท้ายตารางมาตลอด ถึงกระนั้น​ จิ้งจอกไม่เคยยอมแพ้​ เก็บชัยชนะ 7 นัดจนสามารถจบที่อันดับ 14 ของตารางในฤดูกาล 2014/15 ได้อย่างสวยงาม

 

 

ทุกอย่างเป็นไปได้​ เมื่อ เลสเตอร์ ซิตี้ ในฤดูกาล 2015/16 สร้างปาฏิหาริย์สู่ความเป็นไปได้ ด้วยการคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกได้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของสโมสรที่ก่อตั้งมายาวนานกว่า​ 132​ ปี​ เป็นการสร้างตำนานจิ้งจอกสยาม​ที่ตราตรึงอยู่ในหัวใจและสายตาของคนทั้งโลก​ โดยเฉพาะคนไทยทั้งประเทศ

 

มรดกอันยิ่งใหญ่ที่ส่งต่อจากพ่อสู่ลูก

 

 

มรดกอันยิ่งใหญ่ที่ส่งต่อมาถึง​ ต๊อบ-อัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา​ ด้วยคำมั่นว่าจะสืบต่อเจตนารมณ์ของผู้เป็นพ่ออย่างสุดกำลัง​ เป็นความท้าทายที่ ต๊อบ อัยยวัฒน์ ​ต้องพบเจอ​ แต่ก็ไม่เกินสามารถและความมุ่งมั่นที่มี โดยประสบความสำเร็จอย่างต่อเนื่องหลังจบอันดับที่ 5 ในฤดูกาล 2019/20 ซึ่งสโมสรจบอันดับที่สูงสุดเป็นอันดับ 2 ในการแข่งขันพรีเมียร์ลีก พา ‘จิ้งจอกสยาม’ เข้าแข่งขันในยูฟ่ายูโรปาลีก

 

 

และประวัติศาสตร์ได้ถูกจารึก​ขึ้นใหม่อีกครั้ง เมื่อ เลสเตอร์ ซิตี้ สามารถคว้าแชมป์เอฟเอคัพเป็นครั้งแรกของประวัติศาสตร์สโมสร เป็นนัดที่ ‘จิ้งจอกสยาม’ พบกับ สิงห์บลูส์’ เชลซี ในรอบชิงชนะเลิศ ที่สนามเวมบลีย์ เมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม 2021 แม้ช่วงนั้นจะเกิดวิกฤตการแพร่ระบาดของโควิด-19 แฟนบอลของ ‘จิ้งจอกสยาม’ กว่า 6,000 คนก็พร้อมใจเข้าไปเชียร์จนคว้าแชมป์​ ทำให้ เลสเตอร์ ซิตี้ ในปีนั้นสามารถคว้าชัยชนะมาครอบครองทุกรายการในลีกฟุตบอลอังกฤษ ทั้งพรีเมียร์ลีก, เอฟเอคัพ และลีกคัพ (3 ครั้ง) สร้างความภาคภูมิใจให้กับแฟนจิ้งจอกสยามและคนไทยอีกครั้ง

 

 

ถึงแม้ฤดูกาลที่ผ่านมา เลสเตอร์ ซิตี้​ จะประสบปัญหาจนต้องตกไปสู่ลีกรองอย่าง เดอะแชมเปียนชิป แต่เมื่อวันที่ 26 เมษายนที่ผ่านมา การพ่ายแพ้ของ ลีดส์ ยูไนเต็ด ก็ยังการันตีการเป็นแชมป์เดอะแชมเปียนชิป และได้ก้าวกลับขึ้นสู่ลีกสูงสุดของประเทศอังกฤษ (พรีเมียร์ลีก) อย่างสวยงาม

 

หลังจากแข่งขันครบไป 46 นัดในฤดูกาล 2023/24 ในลีกรองอังกฤษ ฟุตบอลรายการเดอะแชมเปียนชิปในวันที่ 4 พฤษภาคมที่ผ่านมา เลสเตอร์ ซิตี้ สามารถทำแต้มถึง 97 แต้ม ยิง 89 ประตูในลีก จาก 46 นัดทั้งหมดที่ผ่านมา ครองตำแหน่งแชมป์พร้อมกับทะยานกลับขึ้นมาสู่สนามสูงสุดของวงการฟุตบอลลีกอังกฤษได้สำเร็จ สร้างปรากฏการณ์​ The Power of Possibilities พลังแห่งความเป็นไปได้​อีกครั้ง

 

 

ไม่เพียงแค่เป็นเจ้าของสโมสรฟุตบอล​เลสเตอร์ ซิตี้​เท่านั้น​ อัยยวัฒน์ยังคงสานต่อสิ่งที่ผู้เป็นพ่อได้​สร้างและสนับสนุนเมืองเลสเตอร์เสมือนเป็นบ้านหลังที่สอง​ ด้วยการสนับสนุนมูลนิธิ วิชัย ศรีวัฒนประภา (อดีตคือ มูลนิธิฟ็อกซ์ ฟาวน์เดชัน ของเลสเตอร์) รวมถึงโรงพยาบาลและวิหารในเมือง จากความรักและความผูกพันที่ชาวเมืองเลสเตอร์มีต่อวิชัย จึงสร้างอนุสาวรีย์​ วิชัย ศรีวัฒนประภา ที่บริเวณด้านหน้าสนามให้เป็นสัญลักษณ์ของ​ ‘Possible Man’ ชายผู้สร้างปาฏิหาริย์ให้เป็นจริง

  • LOADING...

READ MORE





Latest Stories

X
Close Advertising