เข้าสู่เดือนพฤษภาคมของทุกปี วงการแฟชั่นก็จะรู้กันดีว่าช่วงเวลาฤดูกาลแฟชั่นโชว์คอลเล็กชัน Cruise กำลังจะมาถึง แต่ละแบรนด์จะคิดนอกกรอบ เลือกปักหมุดเมืองและสถานที่ที่ไม่คาดคิดมาก่อนเพื่อไปจัดอีเวนต์นี้ แน่นอน CHANEL ในฐานะแบรนด์ที่ริเริ่มทำเสื้อผ้าคอลเล็กชัน Cruise มาตั้งแต่ปี 1919 ที่ผู้ก่อตั้ง Gabrielle Chanel ได้นำเสนอผลงานตัวเองที่เมือง Deauville ก็ได้ออกสตาร์ทเหมือนเดิมในปีนี้กับแฟชั่นโชว์ Cruise 2024/25 ที่เมือง Marseille ทางตอนใต้ของประเทศฝรั่งเศส ณ Cité Radieuse อาคารสไตล์ Brutalist ที่ออกแบบโดยสถาปนิกระดับตำนาน Le Corbusier
สำหรับแฟชั่นโชว์คอลเล็กชัน Cruise 2024/25 ของ CHANEL น่าเสียดายแทนแขกที่ได้เดินทางข้ามน้ำข้ามทะเลจากทั่วโลกเพื่อมาชมโชว์ เพราะสภาพดินฟ้าอากาศไม่เป็นใจ และทำให้มวลรวมของโชว์ดูเงียบขรึม ซึ่งขัดกับคอนเซปต์เสื้อผ้าที่ Virginie Viard ครีเอทีฟไดเรกเตอร์ ได้แรงบันดาลใจจากกิจกรรมไลฟ์สไตล์ต่างๆ ซึ่งหากฟ้าเปิดและมีแสงแดดกระทบกับตึก Cité Radieuse เราเชื่อว่าบรรดาลุคชุดว่ายน้ำ Wet Suit สูทผ้าทวีดขาสั้น เสื้อยืดปักลายปลา บรรดาซัมเมอร์เดรสพลิ้วไหว กระเป๋าทรงสบู่ก้อน และรองเท้าแตะที่ได้เห็นบนรันเวย์ก็จะโดดเด่นขึ้นหลายเท่าตัว แต่อย่างไรเราก็เชื่อว่าลูกค้าของ CHANEL นับล้านทั่วโลกจะยังรีบไปจับจองเป็นเจ้าของเมื่อคอลเล็กชัน Cruise 2024/25 เข้าร้านเดือนพฤศจิกายนนี้ เพราะ Virginie Viard เป็นดีไซเนอร์ที่เข้าใจดีว่าลูกค้าอยากได้อะไร
แต่หากวิเคราะห์ให้ลึกขึ้น และมองบริบทของการที่ CHANEL ไปจัดโชว์ Cruise ครั้งนี้ที่ Marseille หลายอย่างที่เกิดขึ้นก็เป็นกระจกสะท้อนว่าแบรนด์พยายามปรับตัวเองไปทิศทางไหน ซึ่งแต่ก่อน CHANEL มักเลือกเมืองชื่อดังระดับโลกเพื่อไปจัดอีเวนต์ ทำฉากสุดตระการตา และเชิญแบรนด์แอมบาสเดอร์มากมายเพื่อตอบโจทย์ด้าน Brand Awareness ทางโซเชียลมีเดีย แต่กับโชว์ที่ Marseille ทาง CHANEL กลับดูไม่โผงผาง ไม่พยายามสู้กับคู่แข่งด้านความเวอร์วัง แม้จะมีงบก็ตาม และพยายามเอาตัวเองไปแทรกซึมและต่อยอดกับโลกศิลปะและวัฒนธรรม แถมเชิญแบรนด์แอมบาสเดอร์ที่ Niche ขึ้น ไม่ใช่ระดับ Jennie BLACKPINK, Kristen Stewart หรือ Margot Robbie โดยตัวแทนจากประเทศไทยก็คือนักร้องสาว Valentina Ploy ซึ่ง CHANEL คงอยากเลือกบุคคลที่สไตล์เข้ากับดีเอ็นเอของแบรนด์มากกว่า แทนที่จะเลือกบุคคลที่มีผู้ติดตามเป็นล้านบน Instagram
โดยทั้งหมดทั้งมวลก็ถือว่าตรงกับคาแรกเตอร์ของ Virginie Viard เองที่เป็นคนไม่ฟู่ฟ่าและอยากอยู่เงียบๆ ซึ่งก็ดีในเชิงที่ทำให้แบรนด์ดูกลมขึ้นและเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน บวกกับทำให้คนเข้าใจว่านี่คือยุคของ Virginie ไม่ใช่ Karl Lagerfeld ที่คนยังชอบเปรียบเทียบอยู่ตลอดครึ่งทศวรรษที่ผ่านมา แต่ในขณะเดียวกัน หากมอนิเตอร์คอมเมนต์ของคนที่ติดตามและรัก CHANEL มานานแสนนาน หลายคนก็ยังมีความ Nostalgia คิดถึงอดีตที่หลายโชว์ของ CHANEL สร้างความว้าว และสร้างความทรงจำที่ทำให้เห็นถึงพลังของวงการแฟชั่น ซึ่งหากในวันข้างหน้า CHANEL สามารถนำทั้งสองขั้วมาบาลานซ์และหาจุดตรงกลาง เราเชื่อว่านั่นแหละคือ CHANEL ที่สมบูรณ์แบบที่สุด
ภาพ: CHANEL