แม้ยุคสมัยจะเปลี่ยน แต่การแข่งขันในตลาดก็ยังรุนแรงเหมือนเดิม จุดชนวนให้แบรนด์รองเท้าผ้าใบ ‘นันยาง’ ที่อยู่คู่คนไทยมานานกว่า 70 ปี ต้องปรับตัว แต่ยังต้องรักษาอัตลักษณ์ดั้งเดิมของแบรนด์ ทั้งในแง่คุณภาพและราคาที่เข้าถึงง่ายเอาไว้ เพื่อรักษาส่วนแบ่งตลาดที่มีอยู่ 45%
ดร.จักรพล จันทวิมล กรรมการผู้จัดการ บริษัท นันยางมาร์เก็ตติ้ง จำกัด กล่าวว่า ในปี 2567 ตลาดรองเท้านักเรียนทุกประเภทในไทยมีมูลค่ารวมประมาณ 5,000 ล้านบาท เติบโตเพียงเล็กน้อยอยู่ที่ 3% จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ซึ่งหากเทียบกับช่วงโควิดแทบไม่โตขึ้นเลย บริษัทคาดการณ์ปีนี้จะเติบโต 1-3%
แต่ตลาดยังแข่งขันกันสูง จากผู้เล่นรายเดิมๆ ที่อยู่ในตลาดกว่า 5-10 แบรนด์ แม้ปัจจุบันนันยางจะถือส่วนแบ่งการตลาดเฉพาะรองเท้าผ้าใบเป็นอันดับหนึ่งอยู่ที่ 45% ก็ต้องพยายามรักษาไว้ต่อเนื่อง ด้วยการสร้างความแตกต่างจากคู่แข่งและตอบโจทย์ความต้องการของกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย โดยเฉพาะกลุ่ม Gen Z ทุกวันนี้เด็กรุ่นใหม่จะตัดสินใจเลือกซื้อสินค้าที่เป็นมิตรและใส่ใจสิ่งแวดล้อมมากขึ้น
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- Starbucks เผยยอดขายลดลงครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2020 ฉุดหุ้นในตลาดร่วงมากถึง 16% หั่นคาดการณ์โตปีนี้เหลือเลขหนึ่งหลัก
- UNIQLO เปิดรับชาวต่างชาติมาทำงานตำแหน่งผู้บริหาร พร้อมรับนักศึกษาจบใหม่ เงินเดือนสตาร์ท 1,900 ดอลลาร์ หรือ 70,735 บาทต่อเดือน
- เส้นทางซีอีโอของ สัตยา นาเดลลา ที่ Microsoft
เช่นเดียวกับที่ผ่านมานันยางได้เพิ่มกลยุทธ์ขยายโอกาสทางการตลาดในทุกช่องทางและยังคงเน้นเป้าหมายหลักที่กลุ่มนักเรียน นักกีฬา คนทำงาน และผู้ใช้งานอเนกประสงค์ จนทำให้ปี 2566 ที่ผ่านมานันยางเติบโต 13.7% สามารถขยับส่วนแบ่งการตลาดเพิ่มขึ้น 1-2% โดยปีนี้ตั้งเป้าการเติบโตไว้ที่ 3-5%
โดยเฉพาะช่วง Back to School เริ่มตั้งแต่ปลายเดือนเมษายน-มิถุนายน เป็นช่วงที่สินค้าสร้างยอดขายได้เป็นอย่างดีแม้อาจจะชะลอตัวบ้างเล็กน้อย เพราะกำลังซื้อของพ่อแม่ ผู้ปกครอง เริ่มหมดไปตั้งแต่เทศกาลสงกรานต์ แต่ประเมินแล้วว่าจะยังเหลือความคึกคักอยู่
รวมถึงการปรับตัวสารพัดรูปแบบ ทั้งจัดกิจกรรมผสมผสาน Emotional หลายรูปแบบ ทำให้แบรนด์มีคาแรกเตอร์มาโดยตลอด หนึ่งในนั้นคือการเปิดตัวแคมเปญ ‘พอดีไม่เหมือนกัน’ เพื่อแสดงจุดยืนยุติปัญหาการบูลลี่ในโรงเรียนและลดความคาดหวังกับตัวเองมากเกินไป
ทั้งนี้ แคมเปญดังกล่าวเกิดขึ้นจากอินไซต์ของกรมสุขภาพจิตที่พบว่า สถานการณ์สุขภาพจิตของเยาวชนไทยในช่วงปี 2563-2567 มีภาวะเสี่ยงซึมเศร้า เสี่ยงฆ่าตัวตาย สูงกว่าวัยอื่นๆ สาเหตุส่วนหนึ่งเกิดจากความเครียด ซึ่งถือเป็นปัญหาที่ต้องเร่งแก้ไข
จึงได้เปิดตัวแพลตฟอร์ม ‘ดูใจตน วอลเล็ต’ เปิดให้ผู้คนมาทำกิจกรรมผ่านทาง พอดีไม่เหมือนกัน ซึ่งเป็นช่องทางในการรับฟัง เข้าใจ และให้คำแนะนำ กับผู้ที่กำลังเผชิญหน้ากับการกดดันตนเอง โดยนันยางเชื่อว่าจะสามารถเป็นกระบอกเสียงได้อย่างมาก แน่นอนว่านอกจากแคมเปญนี้จะช่วยสร้างการรับรู้ให้กับแบรนด์ในวงกว้างแล้ว สิ่งที่ตามมาก็คือยอดขาย
อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันนันยางมีทั้งหมด 4 ยี่ห้อ ได้แก่ Nanyang ราคาเริ่มต้น 320-360 บาท ตามด้วย Nanyang Have Fun ราคา 299 บาท, Superstar ราคา 249-279 บาท และ Nanyang Zafari ราคา 299 บาท