วันนี้ (30 เมษายน) บรรยากาศที่ทำเนียบรัฐบาลเป็นไปด้วยความคึกคัก เวลา 12.42 น. มาริษ เสงี่ยมพงษ์ อดีตที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ซึ่งคาดว่าจะมาดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เดินขึ้นตึกไทยคู่ฟ้าจากบริเวณด้านหน้า และเดินทางกลับในเวลา 14.10 น.
จากนั้นรัฐมนตรีสังกัดพรรคเพื่อไทย เช่น จักรพงษ์ แสงมณี รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ลงจากตึกไทยคู่ฟ้าเป็นคนแรก ตามมาด้วย จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง และ พิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เดินทางออกจากตึกไทยคู่ฟ้าในเวลาถัดมา
จากนั้น เวลา 13.30 น. พล.อ. เจริญชัย หินเธาว์ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) และ พล.ต.อ. รอย อิงคไพโรจน์ เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) เข้าพบ โดยคาดว่าเป็นการหารือเรื่องความไม่สงบในพื้นที่ตามแนวชายแดนแม่สอด จังหวัดตาก จากการสู้รบในประเทศเมียนมา
นอกจากนี้นายกรัฐมนตรียังเรียก พล.อ. ณัฐพล นาคพาณิชย์ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เข้าพบ โดยคาดการณ์ว่าน่าจะเป็นการกำชับเรื่องของการใช้กำลังพลในการช่วยเหลือประชาชนแก้ไขปัญหาภัยแล้ง ซึ่งขณะนี้กระจายอยู่ทั่วประเทศ นอกจากนี้ยังมีการสั่งการให้ใช้พื้นที่ทหารว่างเปล่าเพื่อแปลงเป็นที่ดินเพื่อภาคเกษตรกรรมอีกด้วย
ธงทองพบนายกฯ รายงานความคืบหน้า คกก.แก้กฎหมายธุรกิจเอกชน
ขณะเดียวกัน ศ.พิเศษ ธงทอง จันทรางศุ ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี เปิดเผยความคืบหน้าภารกิจที่ เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ได้มอบหมายให้ตั้งคณะกรรมการปรับปรุงกฎหมายเพื่อความสะดวกในการประกอบธุรกิจว่า วันนี้มารายงานความคืบหน้าเรื่องด่านสินค้าชายแดน จังหวัดหนองคาย ซึ่งเป็นประตูเข้าออกที่จะส่งสินค้าไปสู่สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวและจีน เนื่องจากมีการขนส่งสินค้าปริมาณมากที่คาบเกี่ยวการทำงานหลายกระทรวง เช่น กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงการคลัง และกระทรวงสาธารณสุข เพราะสินค้ามีความหลากหลาย
การทำงานแบบประสานกันต้องให้เกิด Single Window ระบบเชื่อมโยงคำขอกลางในการติดต่องาน โดยขณะนี้นายกรัฐมนตรีมีนโยบายอยากจะเร่งรัดในช่วงเวลาจากนี้ไป เป็นเรื่องที่ต้องประสานงานข้ามกระทรวงในการทำงานร่วมกัน การจัดระบบออนไลน์ให้เป็นแนวทางเดียวกัน สิ่งเหล่านี้คือความคืบหน้าที่มีแนวทางที่จะเป็นไปได้
ศ.พิเศษ ธงทอง กล่าวต่อกว่า ในสัปดาห์หน้า นายกรัฐมนตรีจะเชิญรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องมาหารืออีกครั้ง โดยจะมีสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (ก.พ.ร.) เป็นหน่วยกลางในการประสานร่วมกับศุลกากร ตามดำริของนายกรัฐมนตรี เพื่อให้เป็น Soft Opening ให้ระบบมีความสะดวกมากขึ้นในวันที่ 1 กันยายน โดยจะสามารถเปิดให้ใช้เต็มรูปแบบในวันที่ 1 ตุลาคม
นอกจากนี้ ตนยังได้พูดคุยกับภาคเอกชนจังหวัดหนองคาย เป็นนิมิตหมายที่ดีที่ได้รับการตอบรับจากภาคเอกชนที่จะมีการประสานงานข้ามกระทรวง จึงต้องมีการแก้ปัญหาสั่งงานข้ามกระทรวงโดยระบบไซโล มีนโยบายที่ชัดเจน และคณะกรรมการได้ดูข้อกฎหมาย หากต้องมีการปรับปรุงโครงสร้างคาดว่าจะดีขึ้น ในสัปดาห์หน้าจะมีการพูดถึงนโยบายและแนวทางที่ชัดเจนในช่วงเวลาตามที่นายกรัฐมนตรีกำหนด
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ก่อนหน้านี้ได้ออกมาพูดว่ามีผู้ใหญ่ในกระบวนการยุติธรรมบ่นว่าต้องทำคดีตามที่ผู้ใหญ่ปรารถนา ศ.พิเศษ ธงทอง กล่าวว่า ตนเองไม่ได้เจาะจงเรื่องใดเรื่องหนึ่ง แต่หวังว่ากระบวนการยุติธรรมในบ้านเราจะใช้ดุลยพินิจ ความรับผิดชอบโดยไม่ต้องวอแว กังวลข้อสั่งการ หรือการกระซิบกระซาบ นี่คือความปรารถนาดีที่อยากให้เกิดขึ้นในสังคม ยืนยันว่าไม่ได้หมายถึงคนใดคนหนึ่ง แต่พนักงานสอบสวนจะต้องมีอิสระมากพอ หากผู้ใหญ่สั่งการก็ขอให้ได้สั่งการแบบอิสระ รับผิดชอบตามกรอบกฎหมาย
นอกจากนี้ ศ.พิเศษ ธงทอง ยังกล่าวถึงกรณีที่ ปานปรีย์ พหิทธานุกร อดีตรองนายกรัฐมนตรี และอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ดูแล ก.พ.ร. ลาออกไป จะทำให้การทำงานสะดุดหรือไม่นั้น ส่วนตัวมองว่าไม่มีปัญหาอะไร ตนยังไม่ทราบว่าท่านได้มอบหมายใครมาดูแล ก.พ.ร. พร้อมทำงานกับผู้ที่รับผิดชอบ เพราะเราเป็นเนื้อเดียวกันแต่ต้น