ผู้นำโลกออกมาประสานเสียงเรียกร้องให้ทุกฝ่ายอยู่ในความสงบ หลังเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ เผยว่า อิสราเอลส่งโดรนบินเข้าไปโจมตีในดินแดนของอิหร่านก่อนช่วงรุ่งสางเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา เพื่อตอบโต้แบบตาต่อตาฟันต่อฟัน จากกรณีที่อิหร่านส่งโดรนและขีปนาวุธกว่า 200 ลูกเข้าโจมตีในดินแดนของอิสราเอล ซึ่งเป็นการโจมตีโดยตรงครั้งแรกในรอบหลายสิบปีนับตั้งแต่สองประเทศเริ่มบาดหมางกัน
ในขณะที่ทั่วโลกหวั่นว่าการตอบโต้กันไปมาระหว่างอิหร่านกับอิสราเอลจะทำให้สถานการณ์ในตะวันออกกลางที่คุกรุ่นอยู่แล้วร้อนระอุยิ่งขึ้นไปอีกนั้น ก็ยังพอมีความหวังอยู่บ้างว่า การโจมตีฐานทัพอากาศใกล้เมืองอิสฟาฮานนั้นเป็นการโจมตีแบบจำกัด ซึ่งจะไม่นำไปสู่การตอบโต้ที่ใหญ่กว่าจากเตหะราน หลังจากที่ ฮอสเซน อามีร์-อับดุลลาเฮียน รัฐมนตรีต่างประเทศอิหร่าน ออกมาเปิดเผยว่า การโจมตีที่อิสฟาฮานนั้นเป็นการใช้โดรนขนาดเล็ก และไม่ได้สร้างความเสียหายต่อทรัพย์สินหรือทำให้เกิดการบาดเจ็บล้มตาย
“ผู้สนับสนุนระบอบไซออนิสต์ (อิสราเอล) พยายามอย่างยิ่งยวดที่จะคว้าชัยชนะจากความพ่ายแพ้ของพวกเขา แต่โดรนขนาดเล็กไม่ได้สร้างความเสียหายหรือการบาดเจ็บล้มตายแต่อย่างใด” รัฐมนตรีต่างประเทศอิหร่านกล่าวกับทูตของประเทศมุสลิมในระหว่างการเยือนสหประชาชาติในนิวยอร์ก
นอกจากนี้รัฐบาลอิหร่านระบุด้วยว่า เตหะรานยังไม่มีแผนการตอบโต้ในขณะนี้ตามรายงานของสื่ออิหร่าน
ก่อนหน้านี้มีรายงานว่า เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ได้รับแจ้งจากอิสราเอลภายหลังอิสราเอลถูกอิหร่านโจมตีด้วยขีปนาวุธและโดรนเมื่อวันที่ 13 เมษายนว่า การตอบโต้ของอิสราเอลนั้นเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่อิสราเอลให้คำมั่นกับวอชิงตันว่า การตอบสนองของพวกเขาจะไม่พุ่งเป้าไปที่โรงงานนิวเคลียร์ของอิหร่าน
ผู้นำโลกเรียกร้องยุติความขัดแย้ง
อันโตนิโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการสหประชาชาติ กล่าวว่า “ถึงเวลาแล้วที่จะต้องหยุดวงจรการตอบโต้ที่เป็นอันตรายในตะวันออกกลาง”
เช่นเดียวกับ G7 และคณะกรรมาธิการยุโรป ที่ต่างประสานเสียงเรียกร้องให้ทุกฝ่ายคลี่คลายความขัดแย้ง
ด้านทบวงการพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ (IAEA) ออกมายืนยันผ่านทาง X เมื่อวันศุกร์ว่า การโจมตีครั้งนี้ไม่ได้ก่อให้เกิดเสียหายต่อโรงงานนิวเคลียร์ของอิหร่าน อย่างไรก็ดี ทางหน่วยงานจะยังคงติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และเรียกร้องให้ทุกฝ่ายยับยั้งชั่งใจสูงสุด พร้อมกับเน้นย้ำว่า “โรงงานนิวเคลียร์ไม่ควรตกเป็นเป้าหมายของความขัดแย้งทางทหาร”
สหรัฐฯ เผย ได้รับแจ้งล่วงหน้าไม่กี่ชั่วโมง
อันโตนิโอ ทาจานี รัฐมนตรีต่างประเทศของอิตาลี เปิดเผยกับนักข่าวว่า สหรัฐฯ บอกกับที่ประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศ G7 ในเมืองคาปรีว่า สหรัฐฯ ได้รับข้อมูลจากอิสราเอลใน ‘นาทีสุดท้าย’ ก่อนที่อิสราเอลจะเปิดปฏิบัติการโดรนในอิหร่าน ขณะที่ช่องข่าว N12 ของอิสราเอล รายงานว่า อิสราเอลได้โจมตีเป้าหมายในอิรักและซีเรียด้วย และมีรายงานเหตุระเบิดในทั้งสองประเทศ
“เรามุ่งมั่นที่จะปกป้องความมั่นคงของอิสราเอล” แอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ กล่าวในการประชุม G7 “ขณะเดียวกันเราเองก็มุ่งมั่นที่จะลดสถานการณ์ความรุนแรงด้วย”
เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ยืนยันว่าอิสราเอลได้เปิดปฏิบัติการทางทหารต่ออิหร่าน และได้แจ้งให้วอชิงตันทราบล่วงหน้าไม่กี่ชั่วโมง แต่ไม่ได้ให้รายละเอียดใดๆ เกี่ยวกับการปฏิบัติการเหล่านั้น ซึ่งจนถึงเวลานี้ก็ยังไม่มีความชัดเจนว่าปฏิบัติการครั้งล่าสุดนี้ใช้เพียงโดรนหรือไม่ อาวุธโจมตีถูกเป้าหมายหรือถูกสกัดกั้น และโดรนดังกล่าวถูกส่งมาจากไหน ในขณะที่ฝ่ายอิหร่านระบุว่า โดรนถูกสกัดกั้นโดยระบบป้องกันของอิหร่านทั้งหมด และยังไม่ยืนยันชัดเจนว่าโดรนเหล่านี้บินมาจากต่างประเทศหรือไม่
ก่อนหน้านี้มีรายงานว่า ฝ่ายบริหารของ โจ ไบเดน พยายามคลี่คลายความขัดแย้งรอบล่าสุดที่เริ่มปะทุขึ้นหลังจากอิสราเอลทิ้งระเบิดใส่อาคารกงสุลอิหร่านในกรุงดามัสกัส ประเทศซีเรีย ซึ่งเป็นเหตุให้นายพลกองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิสลาม (IRGC) และเจ้าหน้าที่อีก 6 คน เสียชีวิต และนำไปสู่การตอบโต้ของอิหร่านเมื่อเช้าวันอาทิตย์ด้วยการปล่อยโดรนและยิงขีปนาวุธประมาณ 300 ลูกเข้าโจมตีอิสราเอล ซึ่งอิสราเอลอ้างว่าโดรนและขีปนาวุธเกือบทั้งหมดถูกสกัดกั้นเอาไว้ได้
รายงานข่าวระบุด้วยว่า ไบเดนประสบความสำเร็จในการโน้มน้าวสมาชิกคณะรัฐมนตรีความมั่นคงของอิสราเอลไม่ให้โจมตีตอบโต้ในดินแดนอิหร่านเมื่อคืนวันจันทร์ โดยมีรายงานว่า รัฐมนตรี เบนนี แกนต์ซ และ กาดี ไอเซนคอต ซึ่งทั้งสองเป็นอดีตผู้บัญชาการกองทัพอิสราเอล ต้องการให้อิสราเอลตอบสนองอย่างรวดเร็วและรุนแรง แต่ยอมระงับการตอบโต้ดังกล่าวหลังจากที่ได้สนทนากับไบเดน ประกอบกับเผชิญเสียงคัดค้านจากรัฐมนตรีคนอื่นๆ โดยรายงานระบุด้วยว่า ปฏิบัติการโจมตีอิหร่านถูกเลื่อนออกไปถึง 2 ครั้ง
ภาพ: Atta Kenare / AFP
อ้างอิง:
