×

นายกฯ ดันก่อสร้างท่าเทียบเรือสำราญสมุยเข้า ครม. ปลายปีนี้เป็นของขวัญให้คนสุราษฎร์ โชว์กินแกงไตปลา ชมอร่อยจริงๆ

โดย THE STANDARD TEAM
07.04.2024
  • LOADING...

วันนี้ (7 เมษายน) เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง พร้อมด้วยรัฐมนตรีและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ลงพื้นที่ติดตามโครงการก่อสร้างท่าเทียบเรือสำราญขนาดใหญ่ (Cruise Terminal) ณ แหลมนิคม ตำบลตลิ่งงาม อำเภอเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี โดยนายกฯ เดินทางด้วยรถยนต์ Toyota Alphard สีขาว ทะเบียน ขง 4 สุราษฎร์ธานี 

 

โดยมี สส. สุราษฎร์ธานี พรรครวมไทยสร้างชาติ, ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี, นายอำเภอเกาะสมุย, อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องให้การต้อนรับ

 

นายกฯ ได้รับฟังบรรยายสรุปจากอธิบดีกรมเจ้าท่า พร้อมแนะนำให้เปิด Duty Free หลังจากที่ท่าเทียบเรือเสร็จเรียบร้อย เพื่อเป็นการบริการนักท่องเที่ยว เสริมรายได้ให้กับพี่น้องประชาชนในพื้นที่เกาะสมุยทั้งภาคเกษตรและการท่องเที่ยว หากดูจากตัวเลขเรือสำราญที่เข้ามาสูงสุดเมื่อปี 2561 ประมาณ 74 ลำ ไตรมาสแรกปีนี้มีเรือเข้ามาครึ่งหนึ่งแล้ว คาดว่าปีนี้น่าจะมีสถิติสูงสุด ทั้งนี้ ตนขอให้เร่งนำเสนอโครงการฯ เข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ก่อนสิ้นปีนี้ และตั้งเป็น KPI เพื่อเป็นของขวัญให้กับชาวเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี

 

นายกฯ กล่าวอีกว่า สิ่งที่นายกเทศมนตรีนครเกาะสมุยอยากให้มีคือมารีน่า (ศูนย์กลางการท่องเที่ยวทางทะเลโดยเรือยอชต์) น่าจะทำได้ เพราะเหมาะกับการให้นักท่องเที่ยวมาเหมือนภูเก็ต สิมิลัน และอยากจะให้ทำเกี่ยวกับเครื่องบินน้ำเพื่อบินจากเกาะต่างๆ มายังเกาะสมุยได้ เพราะบริเวณนี้มีเกาะท่องเที่ยวหลายเกาะ ซึ่งต้องทำให้ครบวงจร บริการนักท่องเที่ยวให้เป็น Top 10 ของโลกให้ได้

 

จากนั้นนายกฯ ได้พูดคุยกับ สส. ในพื้นที่ และเรียกผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยเข้ามาหารือ พร้อมสั่งการว่า การเดินทางมาในวันนี้ไม่ใช่แค่การพูดลอยๆ ต้องมีการสั่งการที่ชัดเจน และขอให้ สส. ช่วยกันโปรโมตเกาะสมุยด้วย

 

นายกฯ กล่าวอีกว่า เกาะสมุยนอกจากจะมี Sun, Sea, Sand แล้ว เรายังมีการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมต่างๆ ตนในฐานะนักท่องเที่ยวก็เชื่อว่าจะมีอย่างอื่นเข้ามาประกอบ ทั้งนี้ คนที่มาเที่ยวก็อยากให้อยู่ยาวขึ้น พร้อมขอฝากทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องให้ช่วยกันทำให้นักท่องเที่ยวอยู่นานมากขึ้น ซึ่งจะทำให้ใช้จ่ายเยอะขึ้น 

 

โครงการท่าเรือหมื่นล้านบาท

 

สำหรับโครงการก่อสร้างท่าเทียบเรือสำราญขนาดใหญ่ ณ แหลมนิคม ตำบลตลิ่งงาม อำเภอเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี เกิดจากการที่เรือสำราญขนาดใหญ่ไม่สามารถเข้าเทียบท่าที่เกาะสมุยได้ กรมเจ้าท่าจึงเสนอโครงการนี้ขึ้นมา โดยเป็นโครงการบนพื้นที่ 47-3-6 ไร่ ประกอบด้วยสะพานขึง, อาคารบริการและที่จอดรถ, ถนนสาธารณะ, อาคารผู้โดยสาร 3 ชั้น และท่าเทียบเรือเฟอร์รีและเรือยอชต์ ซึ่งมีมูลค่าการลงทุนและค่าใช้จ่ายตลอดโครงการ 12,172 ล้านบาท ส่งผลให้เกิดประโยชน์ที่ได้รับจากโครงการสามารถรองรับนักท่องเที่ยวได้ 180,000 คนต่อปี รองรับเรือสำราญ 120 เที่ยวเรือต่อปี และคาดว่านักท่องเที่ยวจะใช้จ่าย 5,000 บาทต่อคน มีมูลค่ารวมกว่า 40,000 ล้านบาท

 

ทั้งนี้ โครงการดังกล่าวจะเริ่มต้นดำเนินการและเสนอโครงการในปี 2567-2570 พร้อมศึกษาผลกระทบด้านสุขภาพและสิ่งแวดล้อม (EHIA) และการลงทุนร่วมกับเอกชน (PPP) ในปี 2568 ใช้เวลาก่อสร้างตั้งแต่ปี 2570-2572 ระยะเวลา 3 ปี และพร้อมให้บริการในปี 2572 โดยมีสัญญาเบื้องต้น 30 ปี 

 

ชมสวนทุเรียน สั่งแก้ปัญหาระบบสาธารณูปโภค

 

จากนั้นนายกฯ เยี่ยมชมแปลงทุเรียนสาธิต ณ สวนทุเรียนชัยณรงค์ ทองสุข เพื่อรับฟังปัญหาและแนวทางการพัฒนาสินค้าทางการเกษตรบนเกาะสมุย โดยเฉพาะทุเรียนกับมังคุด ที่อยากให้รัฐบาลเร่งแก้ไข ได้แก่

 

  1. เร่งสร้างถนนเชื่อมต่อกัน เพื่ออำนวยความสะดวกด้านขนส่งและการเดินทางให้กับเกษตรกร ชาวบ้าน และคนในพื้นที่ 
  2. ปัญหาไฟฟ้าไม่ทั่วถึง เนื่องจากบางพื้นที่ที่ปลูกสินค้าเกษตรเป็นพื้นที่ป่าอนุรักษ์ของกรมที่ดิน 
  3. การแก้ไขสัญญาณเครือข่ายโทรศัพท์และอินเทอร์เน็ต เพราะบางจุดสัญญาณเข้าไม่ถึง
  4. การแก้ปัญหาการขนส่งทางเรือ เพิ่มจำนวนรอบเรือขนส่งที่นำสินค้าจากเกาะสมุยขึ้นฝั่งเพื่อทำการค้า ซึ่งนายกฯ ได้สั่งการรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคมทันทีให้ขยายจำนวนเที่ยวและระยะเวลาการเดินเรือข้ามฝั่งให้ประชาชน
  5. การสร้างสะพาน เพื่อแก้ปัญหาขนส่งสินค้าเกษตร ระยะยาวคือการแก้ไขปัญหาด้วยการสร้างสะพานไปอีกฝั่ง ซึ่งนายกฯ กล่าวว่าเรื่องดังกล่าวจะต้องหารือกับหลายภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง 

 

ตัวเกษตรกรมองว่าหากรัฐบาลเร่งแก้ไขปัญหาดังกล่าวจะสามารถเพิ่มมูลค่าการค้าขายทุเรียนจากปีละ 5,000 ล้านบาท เป็น 10,000 ล้านบาท ขณะที่นายกฯ กล่าวว่า หากมีการสร้างระบบสาธารณูปโภคตามที่เกษตรกรขอทั้งหมดอาจจะต้องเพิ่มการคาดการณ์รายได้จาก 10,000 ล้านบาทเป็น 50,000 ล้านบาท ซึ่งนายกฯ กล่าวว่าขอให้เกษตรกรรอในสิ่งที่ขอมา คาดว่า 6-7 เดือนจะได้คำตอบ และยืนยันว่าการที่เดินทางลงพื้นที่มาพบประชาชนถึงสวนทุเรียน เพราะให้ความสำคัญกับทุเรียน ไม่ได้มาหาเสียง เพราะการเลือกตั้งผ่านไปแล้ว 

 

จากนั้นนายกฯ ได้เดินชมสวนทุเรียนและพูดติดตลกว่าเรามาผิดฤดูกาล จึงทำให้ไม่ได้เห็นผลทุเรียนและไม่ได้ชิมทุเรียนเกาะสมุย ซึ่งเกษตรกรบอกว่าหากอยากมาถูกฤดูต้องมาช่วงเดือนกันยายนและตุลาคม  

 

โชว์กินแกงไตปลา บอกอร่อยจริง

 

หลังจากลงพื้นที่ตรวจราชการ นายกฯ ได้พักรับประทานอาหารกลางวันที่ร้านอาหารชื่อดังของเกาะสมุย โดยหนึ่งในเมนูที่สำคัญคือแกงไตปลา ซึ่งนายกฯ ได้ชิมก่อนจะพูดว่า “อร่อยมากครับ” พร้อมกับยกนิ้วโป้งให้ 

 

เมื่อถามว่าเมื่อรับประทานแล้วจะบอกอะไรกับคนที่จัดอันดับแกงไตปลาหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ไม่ตอบโต้ เพราะเขามีสิทธิ์ที่จะไม่ชอบ แต่ผมชอบ อย่างที่บอกว่าฝรั่งก็มีอะไรหลายอย่างที่แตกต่างจากเรา ซึ่งเราก็ยอมรับได้ ไม่ใช่ว่าเขาชอบบางอย่างหรือไม่ชอบบางอย่าง เราไปบอกเขาไม่ได้ และย้ำว่าอาหารไทยมีเยอะ ต้มยำกุ้ง แกงมัสมั่นไก่ ก็ติดอันดับโลกทั้งนั้น 

 

เมื่อถามว่าการรับประทานแกงไตปลาจำเป็นจะต้องรับประทานกับข้าวสวยหรือรับประทานเปล่าได้เลย นายกฯ กล่าวว่า “ผมรับประทานได้ พยายามไม่รับประทานข้าว ลดน้ำหนักอยู่ เพราะผมชอบกินรสจัด พร้อมกับชมไม่ขาดปากว่าอร่อยจริงๆ ไม่ได้อร่อยเล่นๆ”

 

เร่งหาแนวทางกำจัดขยะเกาะสมุยค้างกว่า 150,000 ตัน 

 

จากนั้นนายกฯ ติดตามแนวทางการแก้ไขปัญหาขยะในอำเภอเกาะสมุย ณ เตาเผาขยะสมุย ตำบลมะเร็ต จังหวัดสุราษฎร์ธานี นายกเทศมนตรีนครเกาะสมุยระบุว่า ปัจจุบันเกาะสมุยไม่สามารถจัดการปัญหาขยะกว่า 150,000 ตันได้ จึงมีความต้องการที่จะของบประมาณกว่า 250 ล้านบาทในการจัดการปัญหาดังกล่าว เพื่อที่จะเคลียร์ปัญหาขยะทั้งหมด ก่อนมาวางแผนจัดการใหม่อีกครั้ง

 

ด้านนายกฯ กล่าวว่า ตนเองรับทราบปัญหานี้ดี หากจะแก้ไขปัญหาระยะสั้น ในการขนขยะออกไปต้องใช้งบประมาณกว่า 230 ล้านบาท ซึ่งเป็นหนึ่งในวิธี แต่อาจจะขอดูก่อน อย่างไรก็ตาม 150,000 ตันจะต้องถูกกำจัดโดยเร็ว ซึ่งต้องทำควบคู่กันไปกับการแก้ไขปัญหาระยะยาว เพราะขยะก็จะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ในขณะที่โรงเผาขยะสร้างมามากกว่า 20 ปี ทำให้ขีดความสามารถในการเผาขยะก็จะลดน้อยลง จึงต้องมีการทำใหม่ ต้องพยายามปรับปรุงเตาเผาขยะนี้ควบคู่กันไปกับการแก้ไขปัญหาระยะยาว และอาจจะใช้ไปเป็นพลังงานไฟฟ้าได้ ส่วนการดำเนินการมีอยู่ 2 ทางคือ รัฐบาลลงทุนเอง หรือเอกชนร่วมลงทุนในรูปแบบ PPP พร้อมย้ำว่า หากจะทำเตาเผาขยะใหม่ก็ต้องศึกษาให้ดี 

 

ก่อนที่นายกฯ จะประชุมหารือบูรณาการจังหวัดสุราษฎร์ธานีที่เทศบาลนครเกาะสมุย

 

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising
X