งานวิจัยล่าสุดพบว่ายานอวกาศ DART ที่ NASA ส่งไปซ้อมแผนป้องกันโลกจากดาวเคราะห์น้อย สามารถเบนวิถีวงโคจรของดาว พร้อมกับเปลี่ยนรูปร่างดาวเคราะห์น้อยไปตลอดกาลได้เช่นกัน
ยาน DART หรือ Double Asteroid Redirection Test เดินทางไปพุ่งชนดาวเคราะห์น้อย Dimorphos เมื่อเช้าวันที่ 27 กันยายน 2022 เพื่อสาธิตการทำ ‘Kinetic Impactor’ หรืออาศัยการพุ่งชนของยานอวกาศ ในการเบนวิถีวงโคจรของดาวเคราะห์น้อยให้เปลี่ยนไปจากเดิม
ชานทานู ไนดู วิศวกรของ JPL ผู้เป็นหัวหน้าคณะวิจัยในการค้นพบล่าสุด ระบุว่า “ตั้งแต่ตอนที่ยาน DART พุ่งชน ทุกสิ่งก็ดูน่าตื่นเต้นขึ้นในทันที เริ่มจากวงโคจรของดาว Dimorphos ที่ใช้เวลาสั้นลงจากเดิมถึง 33 นาที 15 วินาที และรูปร่างของดาวเคราะห์น้อยก็เปลี่ยนไปจากเดิม โดย Dimorphos มีความรีขึ้น เหมือนกับแตงโมที่มีความรีสูง”
คณะวิจัยได้อาศัยข้อมูลจากภาพถ่ายของยาน DART มารวมกับสัญญาณคลื่นวิทยุโดยเรดาร์ของเครือข่าย Deep Space Network ที่ใช้ในการคำนวณหาตำแหน่งและความเร็วของดาว Dimorphos เทียบกับดาว Didymos ดาวเคราะห์น้อยดวงหลักที่ Dimorphos โคจรอยู่รอบ
อีกหนึ่งข้อมูลสำคัญที่นำไปสู่การค้นพบครั้งนี้มาจากค่าของ ‘Light Curve’ ที่คณะวิจัยอาศัยกล้องโทรทรรศน์จากภาคพื้นโลก เพื่อตรวจดูความเปลี่ยนแปลงของแสงอาทิตย์ที่สะท้อนจากพื้นผิวดาวเคราะห์น้อย เทียบกับข้อมูลที่บันทึกไว้ในช่วงก่อนพุ่งชน จนพบว่ารูปทรงของดาว Dimorphos มีความรีมากกว่าเดิม
ทอม สแตทเลอร์ หัวหน้าทีมการศึกษาวัตถุขนาดเล็กในระบบสุริยะของสำนักงานใหญ่ NASA ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า “ผลจากงานวิจัยนี้สอดคล้องกับข้อมูลที่ตีพิมพ์จากคณะวิจัยอื่นๆ ซึ่งการได้เห็นงานวิจัยจากคณะต่างๆ ได้ผลสรุปเหมือนกัน คือการบ่งชี้ถึงข้อมูลเชิงวิทยาศาสตร์ที่น่าเชื่อถือจากยาน DART
“ภารกิจนี้ไม่ได้เป็นเพียงปฐมบทของการพัฒนาเทคโนโลยีป้องกันโลกจากดาวเคราะห์น้อยพุ่งชน มันยังเผยให้เห็นรากฐานความเข้าใจใหม่ว่า ดาวเคราะห์น้อยคืออะไร และพวกมันมีพฤติกรรมอย่างไรบ้าง”
ในเดือนตุลาคม 2024 องค์การอวกาศยุโรป หรือ ESA มีแผนส่งยานอวกาศ Hera เดินทางตามไปสำรวจระบบดาวของ Didymos และ Dimorphos เพื่อศึกษาอย่างละเอียด และตรวจดูว่าการพุ่งชนของยาน DART ได้ทิ้งแผลเป็นไว้กับดาวเคราะห์น้อยจริงๆ หรือไม่
งานวิจัย ‘Orbital and Physical Characterization of Asteroid Dimorphos Following the DART Impact’ ได้รับการตีพิมพ์ในวารสาร The Planetary Science Journal เมื่อวันที่ 19 มีนาคมที่ผ่านมา
ภาพ: Johns Hopkins APL / NASA
อ้างอิง:
