เดวิด คาเมรอน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และอดีตนายกรัฐมนตรีสหราชอาณาจักร เดินทางเยือนไทยอย่างเป็นทางการในวันนี้ (20 มีนาคม) เพื่อกระชับความสัมพันธ์และขับเคลื่อนความเป็นหุ้นส่วนกับไทย ซึ่งเป็นหนึ่งในประเทศที่มีเศรษฐกิจขนาดใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
คาเมรอนเตรียมส่งเสริมความร่วมมือในประเด็นที่เป็นความสนใจร่วม โดยเฉพาะด้านกลาโหม เสถียรภาพ และความมั่นคงในภูมิภาค วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รวมถึงเศรษฐกิจและการค้า
ประเทศไทยถือเป็นหุ้นส่วนสำคัญด้านความมั่นคงของสหราชอาณาจักร โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการส่งเสริมสันติภาพและความปรองดองในเมียนมา รวมทั้งการพิทักษ์กฎหมายระหว่างประเทศและความมั่นคงในภูมิภาค ทั้งนี้ ด้วยความที่การค้าโลกครึ่งหนึ่งต้องเดินทางผ่านภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก การทำงานร่วมกันกับไทยในประเด็นความมั่นคงทางทะเล จึงมีความสำคัญยิ่งในการทำให้สหราชอาณาจักรสามารถเข้าถึงสินค้าที่จำเป็นได้
คาเมรอนกล่าวว่า “เอเชียตะวันออกเฉียงใต้เป็นภูมิภาคที่มีอัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจสูง โดยไทยเป็นประเทศหนึ่งที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในอาเซียน การร่วมมือกับประเทศต่างๆ ในภูมิภาคนี้มีส่วนช่วยสร้างการเจริญเติบโตและสร้างอาชีพให้เกิดขึ้นในสหราชอาณาจักร
ไทยเป็นหนึ่งในประเทศผู้ก่อตั้งอาเซียน และเป็นประเทศที่มีอิทธิพลในภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก เราจะร่วมมือกันต่อไปเพื่อรับมือกับความท้าทายระดับโลกที่เรามีร่วมกัน ทั้งผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ การพัฒนาทางเทคโนโลยีในอัตราเร่งสูง และภัยคุกคามต่อระบบสาธารณสุขทั่วโลก”
โอกาสนี้คาเมรอนจะเดินทางเยือนฐานทัพอากาศไทย และสนับสนุนแคมเปญร่วมในการจัดซื้อเครื่องบินกริพเพน ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างสหราชอาณาจักร สวีเดน และสหรัฐอเมริกา โดยมีบริษัทต่างๆ ทั่วสหราชอาณาจักรผลิตส่วนประกอบของอากาศยานถึงร้อยละ 40 การจัดซื้อนี้จะช่วยเสริมสร้างสมรรถนะให้กองทัพอากาศไทย และสร้างประโยชน์ทางเศรษฐกิจให้กับสหราชอาณาจักร
นอกจากนี้รัฐมนตรีต่างประเทศสหราชอาณาจักรจะเดินทางไปยังจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เพื่อพบกับบรรดานักวิจัยจากศูนย์กลางการวิจัยและผลิตวัคซีนของสหราชอาณาจักร-เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (UK-South East Asia Vaccine Manufacturing Research Hub) และนักประดิษฐ์ที่ทำงานเพื่อรับมือกับความท้าทายด้านต่างๆ ทั้งปัญญาประดิษฐ์และด้านวิศวกรรมชีวภาพ
คาเมรอนยังเน้นย้ำถึงความสำคัญของทุน International Science Partnership Fund ซึ่งมีมูลค่าทั่วโลกสูงถึง 337 ล้านปอนด์ (ราว 15,450 ล้านบาท) เพื่อช่วยให้เกิดความร่วมมือด้านวิทยาศาสตร์ระหว่างนักวิจัยและนวัตกรของสหราชอาณาจักรและไทย เพื่อร่วมกันแก้ปัญหาท้าทายต่างๆ ของโลก และส่งเสริมความมั่งคั่ง โดยโครงการหลักๆ ในทุนนี้ประกอบด้วยการรับมือกับโรคที่มีอันตรายร้ายแรง การสร้างเครือข่ายความมั่นคงทางอาหาร และการพัฒนาระบบพลังงานสะอาด
รัฐมนตรีต่างประเทศสหราชอาณาจักรยังได้ประกาศเงินทุนสนับสนุนผ่านโครงการ UK PACT (UK Partnering for Accelerated Climate Transitions) สำหรับประเทศไทยจำนวน 6 ล้านปอนด์ (ราว 275 ล้านบาท) เพื่อกระตุ้นการเจริญเติบโตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งจะช่วยสนับสนุนภาคคมนาคมที่ยั่งยืน การเงินสีเขียว และการกำหนดราคาคาร์บอนในประเทศไทย
พร้อมทั้งร่วมลงนามในแผนการว่าด้วยความเป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์สหราชอาณาจักร-ไทย เพื่อกระชับความสัมพันธ์ด้านกลาโหม สภาพภูมิอากาศและพลังงาน การค้าและการลงทุน เกษตรกรรม ดิจิทัลและเทคโนโลยี รวมถึงสาธารณสุขและการศึกษา ก่อนที่จะครบรอบ 170 ปี ความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างสหราชอาณาจักรและไทยในปี 2025
แฟ้มภาพ: Dan Kitwood / POOL / AFP
อ้างอิง:
- สถานเอกอัครราชทูตสหราชอาณาจักร ประจำประเทศไทย