หลังจากเงียบๆ มาตั้งแต่ต้นปีก็ถึงเวลาที่ช่อง 3 จะเข็นโปรเจกต์ความหวังของหมู่บ้านกับซีรีส์ละครดวงใจเทวพรหม เรื่องราวในรุ่นลูกของเหล่าสุภาพบุรุษจุฑาเทพที่เคยสร้างปรากฏการณ์ฮิตทั่วบ้านทั่วเมืองและแจ้งเกิดนักแสดงหน้าใหม่ที่กลายเป็นดาราแม่เหล็กในปัจจุบัน ซึ่งดูเหมือนดวงใจเทวพรหมก็จะเดินมาในทางเดียวกัน ด้วยการเข็นนักแสดงรุ่นใหม่มาร่วมแสดงคับจอ จนเกิดกระแสฮือฮามาตั้งแต่ยังไม่ออกอากาศ แต่เพราะอะไรเมื่อเปิดตัว ลออจันทร์ ละครเรื่องแรกของซีรีส์ ทั้งกระแสและตัวเลขคนดูกลับไม่เป็นไปอย่างที่คาด ทั้งที่ได้ กลัฟ-คณาวุฒิ ไตรพิพัฒนพงษ์ ที่มีฐานแฟนคลับแข็งแกร่งมารับบทนำในละครเรื่องนี้
เรตติ้งของ ลออจันทร์ เปิดตัวได้ไม่ขี้เหร่ที่ 2.89 ยอดคนดูออนไลน์อยู่ที่ 1.6 แสนคน และติดเทรนด์ในทวิตเตอร์ แต่ที่น่าสนใจคือในอีพี 2 และ 3 เรตติ้งกลับลดลงไปที่ 2.68 และ 2.34 ส่วนยอดคนดูย้อนหลังใน CH3Plus ของสองตอนล่าสุดก็ยังไม่ทะลุหลักแสนหลังผ่านมาเกือบสัปดาห์ (15 มีนาคม) นั่นคงพอจะบอกได้ว่าพลังดาราไม่อาจกลบริ้วรอยความไม่ลงตัวของละครเรื่องนี้ได้
อย่างที่พอจะทราบกันว่าเรื่องราวในดวงใจเทวพรหมคือการสานต่อคำสัญญาการแต่งงานของตระกูลจุฑาเทพและเทวพรหม โดยเรื่องราวใน ลออจันทร์ เกิดขึ้นหลังจากรุ่นพ่อถึง 30 ปี เล่าเรื่องของ ลออจันทร์ (ญีนา ซาลาส) หญิงสาวผู้มีอดีตฝังใจเรื่องบรรพบุรุษถูกกล่าวหาว่าเป็นคนทรยศเพราะพยายามครอบครองสร้อยอัจนาจักระ หรือ The Third Eye Sapphire ของคู่บ้านคู่เมืองของเวียงพูคำ เมื่อได้ยินข่าวว่าสร้อยเส้นนี้จะถูกจัดแสดงที่ห้างสรรพสินค้าเจทีเซ็นเตอร์ เธอจึงแฝงตัวมาสมัครเป็นเลขาของ หม่อมหลวงภูธเนศ จุฑาเทพ (กลัฟ-คณาวุฒิ ไตรพิพัฒนพงษ์) ลูกชายของหม่อมราชวงศ์รัชชานนท์ (ดอม เหตระกูล) และเจ้าสร้อยฟ้า (ปูเป้-รามาวดี นาคฉัตรีย์) ซึ่งเป็นผู้บริหารของห้างสรรพสินค้าเพื่อหวังจะชิงสร้อยเส้นนั้นมาให้ได้
ภูธเนศหลงรักและไว้ใจลออจันทร์ก่อนจะจับได้ว่าเธอหลอกลวงเขา ลออจันทร์ยอมรับว่าเธอต้องการไพลินที่ประดับบนสร้อยอัจนาจักระ เพื่อนำกลับคืนที่รูปปั้นพญานาคราช ณ ดินแดนเร้นลับ เพื่อพิสูจน์ว่าต้นตระกูลของเธอไม่ใช่คนทรยศ ซึ่งภารกิจครั้งนี้นอกจากจะทำให้เธอพบรักและล้างมลทินในอดีตให้ต้นตระกูล ยังทำให้ค้นพบความจริงว่าเธอเป็นส่วนหนึ่งของตระกูลเทวพรหม
เรียกได้ว่าลออจันทร์ครบสูตรเมโลดราม่าเนื้อหาเดาได้ไม่ยาก แถมยังมีครบทั้งแอ็กชัน ดราม่า โรแมนติก แบบไม่ต้องคาดหวังความแปลกใหม่ แต่สิ่งที่ทำให้เรื่องราวน้ำเน่าดูสนุกขึ้นมาได้ก็คือลำดับการเล่าเรื่องให้มีลูกล่อลูกชน และสร้างตัวละครให้มีเสน่ห์อย่างที่ คุณชายรัชชานนท์ ในสุภาพบุรุษจุฑาเทพเคยทำได้มาก่อน แต่สำหรับ ลออจันทร์ เหมือนลำดับเรื่องด้วยการเอาสถานการณ์มาชนสถานการณ์ และพยายามใส่ฉากจิ้น ฉากขำ ซึ่งไม่นำพาให้เรื่องเดินไปข้างหน้าสักเท่าไร
นอกจากนี้ก็มีหลายฉากที่ไม่สมเหตุสมผล เช่นตอนที่ลออจันทร์มาถึงกรุงเทพฯ ใหม่ๆ แล้วถูกโจรปล้น เมื่อ วีณา (เดนิส เจลีลชา คัปปุน) เข้ามาช่วยลออจันทร์ก็ย้ายไปอยู่กับเขาเสียอย่างนั้น หรืออย่างฉากเต้นรำพร้อมๆ กันใน ‘เธค’ ซึ่งผู้เขียนก็เที่ยว ‘เธค’ ร่วมสมัยกับเหตุการณ์ในละครก็ไม่เคยเห็นกิจกรรมเข้าจังหวะแบบนี้โดยเฉพาะในเธคระดับไฮเอนด์
แต่จุดบกพร่องใหญ่ๆ คือความตุปัดตุเป๋ของโปรดักชันและเสื้อผ้า ณ จุดนี้ก็เห็นใจทางทีมงาน เพราะเนื้อเรื่องเกิดในยุค 90 ซึ่งก็ยังเป็นยุคกลางเก่ากลางใหม่ที่ตรงกลางระหว่างความเชยกับความเก๋ ทีมงานจึงดูกล้าๆ กลัวๆ กับการสร้างลุคของตัวละคร จนเหมือนรวมเอาเสื้อผ้าตั้งแต่ยุค 70 ถึงต้น 2000 มาใส่ไว้ในเรื่อง ซึ่งที่เหมือนจะหลงยุคที่สุดก็คือตัวลออจันทร์ที่ดูยังไงก็ไม่ใช่สาวเก๋จากยุค 90 ต่างจากตัวประกอบที่ทีมงานจัดหนักจัดเต็มจนดูตลกไปเลย ส่วนชุดสูทของภูธเนศก็ถือว่าตรงยุคตรงสมัย เพราะผู้ชายสมัยนั้นนิยมใส่สูทตัวใหญ่ในช่วงคาบเกี่ยวยุค 80-90 แต่หากมันไม่เหมาะกับนักแสดงก็ควรเลี่ยงไปสไตล์อื่น ยิ่งตัวละครอยู่ในระดับ ‘คุณชาย’ ก็น่าจะมีรสนิยมหาสิ่งที่เหมาะกับตัวเองได้ไม่ยาก
ในระยะหลังมีซีรีส์ต่างประเทศหลายเรื่องที่เล่าเรื่องราวในยุค 80-90 อย่างเช่น Reborn Rich หรือ Snowdrop ที่สร้างสรรค์ลุคของพระเอกนางเอกให้ดูดีและไม่หลุดจากยุคสมัยในเรื่อง ซึ่งละครไทยก็น่าจะเอาเป็นตัวอย่าง เราไม่ได้พูดถึงเรื่องงบประมาณที่คงสู้กับเขาไม่ได้ แต่กำลังพูดถึงความใส่ใจจุดเล็กๆ น้อยๆ ในยุคที่คู่แข่งของละครไทยคือซีรีส์ในบริการสตรีมมิง หรือหากจะเปรียบเทียบใกล้ๆ กันอย่างงานโปรดักชันเสื้อผ้าของแอค-อาร์ต เจเนเรชั่น บริษัทคุณพ่อของ บีบี-เอกนรี วชิรบรรจง ผู้จัดละครเรื่องนี้ก็เรียกว่าทำได้ดี
อีกส่วนคือฉากและสถานที่ที่ดูยังไงก็เหมือนสถานที่ในปัจจุบันเพียงแต่เอาพร็อพต่างๆ เข้าไปใส่ ซึ่งมันดูไปคนละทิศละทาง จนเห็นจะมีแต่โทรศัพท์มือถือของพระเอก เพจเจอร์ของนางเอก และบทละครเท่านั้นที่หลุดมาจากยุค 90 สิ่งเหล่านี้อาจจะดูเป็นเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ของหลายคน แต่มันมีผลกับมวลรวมอารมณ์ของคนดู ในเมื่อละครพูดถึงยุคสมัยที่กลุ่มเป้าหมายส่วนใหญ่เกิดทัน ดังนั้นถ้าภาพไม่ตรงปกก็ยิ่งทำให้เสียอารมณ์
และอีกส่วนที่ปฏิเสธไม่ได้ก็คือนักแสดงเหมือนเล่นละครคนละระดับ จริงอยู่ที่ว่ากลัฟทำออกมาได้ดีกว่าตอนแสดง มัดหัวใจยัยซุปตาร์ ทว่าสิ่งที่เหมือนจะแก้ไขยังไม่ได้คือการใช้เสียงและเว้นจังหวะที่เหมือนเด็กวัยรุ่นยุคนี้เกินไปจนไม่เหมาะกับบทคุณชาย ในขณะญีนาดูมีชั้นเชิงมากกว่าจนทำให้เคมีไม่ตรงกัน ซึ่งก็หวังว่าจะได้เห็นเขาพัฒนาฝีมือในผลงานชิ้นต่อไปจนไม่ได้เป็นที่รักเฉพาะแฟนคลับ แต่เป็นที่ยอมรับของคนทั่วไปได้ด้วย
เอาเข้าจริงก็อาจจะเร็วเกินไปที่จะตัดสินว่า ลออจันทร์ จะประสบความสำเร็จหรือไม่ แต่เท่าที่วิเคราะห์จาก 3 ตอนที่ออกอากาศ หากยังเดินตามทางนี้ไป ก็เป็นไปได้ว่าละครเรื่องแรกของซีรีส์ดวงใจเทวพรหมจะเงียบเหงากว่าตอนอื่นๆ เหมือนเมื่อครั้งละคร คุณชายธราธร เปิดตัวสุภาพบุรุษจุฑาเทพ ส่วนอีก 4 เรื่องที่เหลือก็อยากฝากให้ทำการบ้านเรื่องยุคสมัยให้ดีๆ เพราะเสน่ห์ของละครสองชุดนี้คือการเชื่อมโยงเรื่องรักเข้ากับเหตุการณ์ในอดีตที่คนดูนึกถึง ดังนั้นถ้าทำไม่ถึง ผลตอบรับก็คงออกมาเหงาๆ ผิดฟอร์มละครความหวังของหมู่บ้านได้เหมือนกัน