ความเคลื่อนไหวราคาทองคำวันนี้ (11 มีนาคม) ปรับเพิ่มขึ้น 100 บาทต่อบาททองคำ โดยทองคำแท่ง ราคารับซื้ออยู่ที่ 36,500 บาทต่อบาททองคำ และขายออกอยู่ที่ 36,600 บาทต่อบาททองคำ ส่วนทองคำรูปพรรณ ราคารับซื้ออยู่ที่ 35,838 บาทต่อบาททองคำ และขายออกอยู่ที่ 37,100 บาทต่อบาททองคำ
บรรดาผู้เชี่ยวชาญและนักวิเคราะห์ทั้งหลายแสดงความเห็นตรงกันว่า แนวโน้มที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) จะเดินหน้าหั่นอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงในปีนี้ อาจมีส่วนทำให้ราคาทองคำในปัจจุบันขยับปรับตัวพุ่งสูงขึ้นก็จริง กระนั้น แท้จริงแล้วราคาโลหะมีค่าอย่างทองคำที่พุ่งขึ้นอย่างมากภายในระยะเวลาอันสั้นในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา ส่วนหนึ่งได้รับแรงหนุนจากแรงซื้อมหาศาลจากฝั่งจีน
เว็บไซต์ข่าว Bloomberg รายงานว่า หลังจากที่ทรงตัวมานานหลายเดือน ในที่สุดตลาดทองคำก็กลับมามีชีวิตอีกครั้ง โดยหลังจากทุบสถิติเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา (5 มีนาคม) ราคาทองคำก็พุ่งแตะสู่ระดับสูงสุดรายวันติดต่อกันนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ซึ่งสวนทางกับความคาดหวังของนักวิเคราะห์ที่มองว่า แม้ทองคำมีโอกาสที่จะขยับเพิ่มสูงขึ้น แต่ลำพังเพียงแค่ท่าทีของ Fed บวกกับความตึงเครียดจากความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ ก็ไม่น่าจะทำให้ราคาทองคำพุ่งทะยานได้ขนาดนี้ อีกทั้งยังมีปัจจัยจากอัตราดอกเบี้ยสูงในปัจจุบันที่ปกติแล้วจะส่งผลต่อการขยับขึ้นของราคาทองคำที่เป็นสินทรัพย์ปลอดภัยที่ปราศจากดอกเบี้ยตอบแทน ก็ยิ่งทำให้นักวิเคราะห์หลายคนและผู้เฝ้าดูตลาดคนอื่นๆ ต่างมองหาคำอธิบายว่าทำไมราคาทองคำจึงขยับเพิ่มขึ้นมาได้ขนาดนี้
คำตอบที่ได้ก็คือความต้องการทองคำจากจีน โดยในขณะที่นักลงทุนชาวตะวันตกจำนวนมากทิ้งการถือครองทองคำจริงๆ เนื่องจากราคาพุ่งสูงขึ้นในปีที่แล้ว อุปสงค์ทั่วโลกกลับได้รับแรงหนุนจากการซื้อจำนวนมากของธนาคารกลางในประเทศตลาดเกิดใหม่ซึ่งนำโดยจีน อีกทั้งชาวจีนทั่วไปก็ซื้อเช่นกัน ผู้บริโภคในจีนตุนเหรียญทอง ทองแท่ง และเครื่องประดับทองอย่างต่อเนื่องแม้จะมีราคาสูง โดยมีสาเหตุหลักเพื่อปกป้องความมั่งคั่งจากความวุ่นวายในตลาดหุ้นและภาคอสังหาริมทรัพย์ของประเทศจีน
ขณะเดียวกัน แม้ว่าการซื้อของจีนและตลาดเกิดใหม่อื่นๆ จะช่วยสร้างสถิติราคาทองคำระลอกใหม่ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา แต่สิ่งที่นักลงทุนให้ความสนใจคือการเดิมพันว่า Fed จะเริ่มลดอัตราดอกเบี้ยเมื่อใด ซึ่งการที่ เจอโรม พาวเวลล์ ประธาน Fed ย้ำถึงความเป็นไปได้ที่การปรับลดอัตราดอกเบี้ยจะเกิดขึ้นภายในปีนี้ ช่วยผลักดันให้ราคาทองคำทำสถิติใหม่
นอกจากนี้ ราคาทองคำยังมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นอีก เพราะได้แรงหนุนจากการโจมตีโดยกลุ่มฮูตีที่ได้รับการสนับสนุนจากอิหร่านต่อการขนส่งในทะเลแดง รวมถึงสงครามบดขยี้ของรัสเซียในยูเครนที่กำลังเพิ่มความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์ในปีนี้ และทำให้ความต้องการทองคำในฐานะ Safe Haven เพิ่มมากขึ้น เฉกเช่นเดียวกับราคาทองคำที่ทำสถิติสูงสุดเมื่อ 44 ปีที่แล้วในปี 1979 เนื่องจากการโค่นล้มของพระเจ้าชาห์ในอิหร่าน และการรุกรานอัฟกานิสถานของสหภาพโซเวียต
นักวิเคราะห์ส่วนหนึ่งชี้ว่า หากการซื้อของจีนเป็นเสาหลักของตลาดทองคำ นโยบายของ Fed ก็มีแนวโน้มที่จะยังคงเป็นผู้ขับเคลื่อนตลาดหลัก และเป็นสัญญาณที่บ่งบอกว่ายังมีโอกาสที่ราคาทองคำจะขยับขึ้นอีกในช่วงที่เหลือของปีนี้
อ้างอิง: