ดร.ปิ่นสักก์ สุรัสวดี อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) เปิดเผยว่า สืบเนื่องจากวันที่ 27 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ได้รับรายงานจากสำนักงานทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 1 ว่าเกิดเหตุการณ์ไฟไหม้พื้นที่ป่าเสม็ด บริเวณด้านหลังองค์การบริหารส่วนจังหวัดตราด หมู่ที่ 9 ตำบลวังกระแจะ อำเภอเมืองตราด จังหวัดตราด เนื้อที่ประมาณ 100 ไร่
ดร.ปิ่นสักก์ จึงสั่งการให้เจ้าหน้าที่ศูนย์อนุรักษ์ทรัพยากรป่าชายเลนที่ 1 (ด่านเก่า ตราด) สนธิกำลังร่วมกับองค์การบริหารส่วนตำบลวังกระแจะเข้าตรวจสอบสถานการณ์ โดยพบว่า พื้นที่ป่าดังกล่าวมีลักษณะเป็นป่าเสม็ดทั้งหมด มีคลองและถนนล้อมรอบไว้ทุกด้าน อยู่ระหว่างการขออนุญาตใช้ประโยชน์ในเขตป่าชายเลน ส่วนต้นเพลิงนั้นมาจากด้านใน ซึ่งคาดว่ามีชาวบ้านที่แอบเข้าไปหาของป่าจุดไฟเผาจนทำให้เกิดไฟลุกลามจนดับไม่ได้
เบื้องต้นองค์การบริหารส่วนตำบลวังกระแจะได้จัดเตรียมรถดับเพลิง พร้อมทั้งจัดกำลังเจ้าหน้าที่เฝ้าระวังไฟป่าให้อยู่ในขอบเขตคูน้ำและถนน กระทั่งเมื่อวันที่ 6 มีนาคม ได้รับแจ้งว่าไฟได้เกิดการปะทุลุกลามขึ้นอีกครั้ง ปรากฏเป็นกลุ่มควันสีขาวขึ้นมาจำนวนมากปกคลุมไปทั่วบริเวณดังกล่าว สร้างมลพิษทางอากาศไปทั่วเมืองตราด หลังเกิดเหตุการณ์ดังกล่าว ดร.ปิ่นสักก์ จึงสั่งการไปยังสำนักงานทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 1 นำโดยศูนย์อนุรักษ์ทรัพยากรป่าชายเลนที่ 1 (ด่านเก่า ตราด) ให้จัดกำลังพลพร้อมอุปกรณ์ร่วมสนับสนุนและติดตามสถานการณ์ไฟไหม้ป่าเสม็ด โดยมีหน่วยงานภายในจังหวัดตราดร่วมลงพื้นที่ อาทิ องค์การบริหารส่วนตำบลวังกระแจะ, องค์การบริหารส่วนตำบลเขาสมิง, องค์การบริหารส่วนจังหวัดตราด, สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดตราด, ปลัดอำเภอเมืองตราด, กำนันตำบลวังกระแจะ และหัวหน้าสวนป่าท่ากุ่ม โนโบรุ อุเมดะ
จากการรายงานสถานการณ์ล่าสุด ยังพบปริมาณควันปกคลุมทั่วพื้นที่อยู่อย่างต่อเนื่อง แต่ไม่พบการปะทุของไฟเพิ่มขึ้น ในการนี้ได้กำชับเจ้าหน้าที่ศูนย์อนุรักษ์ทรัพยากรป่าชายเลนที่ 1 (ด่านเก่า ตราด) เฝ้าระวังพื้นที่ใกล้เคียงบริเวณโดยรอบทั้งหมดอย่างใกล้ชิดต่อไป โดย ดร.ปิ่นสักก์ ได้กล่าวขอบคุณทุกหน่วยงานที่ร่วมมือกันดับไฟป่าไม่ให้ลุกลามสร้างความเสียหายไปมากกว่านี้ นอกจากนี้อยากจะขอความร่วมมือไปยังพี่น้องประชาชนในพื้นที่ หากเข้าไปหาของป่าห้ามจุดไฟหรือกระทำการที่เสี่ยงต่อการเกิดไฟไหม้ป่า เนื่องจากป่าเสม็ดเป็นป่าที่มีการสะสมของใบไม้-ใบหญ้าจำนวนมาก และเคยมีการสำรวจพื้นที่แห่งนี้พบว่ามีการสะสมของใบไม้สูงถึง 50-80 เซนติเมตร เมื่อเกิดไฟไหม้ป่า แม้ว่าจะมีการดับไฟได้แล้ว แต่ชั้นใบไม้ด้านล่างที่ยังไม่ถูกไฟไหม้ก็อาจจะปะทุขึ้นมาอีกจากความร้อนที่สะสมไว้
อ้างอิง:
- กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.)