วานนี้ (2 มีนาคม) จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ชี้แจงกรณี พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สส. บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ลงพื้นที่หนองวัวซอ จังหวัดอุดรธานี โดยมีการระบุว่า จะให้สิทธิในการเช่าที่ดิน 3 ปีไม่ถือเป็นกรรมสิทธิ์ ว่า เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความเข้าใจผิดเกี่ยวกับนโยบายมอบสิทธิการเช่าที่ดินสำหรับอยู่อาศัยและทำกินในการดูแลของกรมธนารักษ์ ตนเองขออนุญาตเพิ่มเติมรายละเอียดสิทธิประโยชน์ในการเข้าสู่ระบบเช่าของกรมธนารักษ์ ดังนี้
พื้นที่ราชพัสดุถูกจัดสรรให้ประชาชนได้ใช้ประโยชน์อย่างต่อเนื่องและยังไม่เคยเรียกคืนสิทธิการเช่า เว้นพื้นที่ติดภารกิจสำคัญทางราชการ เช่น ภารกิจทางทหารที่อาจเป็นอันตรายต่อประชาชน ก็จะไม่สามารถให้เช่าได้ ซึ่งระบบสิทธิการเช่า 3 ปีเป็นการปฏิบัติตามระเบียบของทางราชการ หากจัดให้เช่ามากกว่า 3 ปี เช่น 30 ปี จะมีการต่ออายุสัญญาเช่าอย่างต่อเนื่องคราวละ 3 ปี เพื่อไม่ให้ประชาชนต้องเสียค่าธรรมเนียมการจดทะเบียนสิทธิการเช่าจำนวนมาก (ในกรณีเช่าคราวละเกิน 3 ปี) สิทธิในการเช่าที่ดินราชพัสดุสามารถสืบทอดไปยังทายาทได้ ตั้งแต่ดำเนินการมารัฐยังไม่เคยเรียกคืนสิทธิการเช่า มีอัตราค่าเช่าที่ต่ำ ดังนี้
สำหรับการเช่าเพื่ออยู่อาศัย เนื้อที่เช่าทั้งหมดไม่เกิน 100 ตารางวา คิดอัตรา 25 สตางค์ต่อตารางวาต่อเดือน เกินกว่า 100 ตารางวา คิดอัตราค่าเช่า 50 สตางค์ต่อตารางวาต่อเดือน แต่หากเช่าเพื่อการเกษตร เนื้อที่เช่าทั้งหมดไม่เกิน 50 ไร่ คิดอัตราค่าเช่า 20 บาทต่อไร่ต่อปี เกินกว่า 50 ไร่ คิดอัตราค่าเช่า 30 บาทต่อไร่ต่อปี กรมธนารักษ์จะยกเว้นค่าธรรมเนียมแรกเข้าทั้งหมด ยกเว้นค่าธรรมเนียมในการรังวัดทั้งหมด และเรียกเก็บหลักประกันสัญญาเช่าเท่ากับอัตราค่าเช่าเพียงแค่ 1 ปีเท่านั้น
ทั้งนี้ ผู้เช่าจะได้รับการอำนวยความสะดวกและการดูแลจากรัฐในฐานะที่ดินเช่า มีการจัดการสาธารณูปโภคเพื่ออำนวยความสะดวก เช่น ไฟฟ้า น้ำประปา การขอทะเบียนบ้าน และการช่วยบรรเทาความเสียหายเมื่อเกิดเหตุอุบัติภัยต่างๆ เนื่องจากเป็นพื้นที่ในการกำกับดูแลของรัฐโดยตรง
ผู้เช่าสามารถเข้าถึงแหล่งทุนได้ง่ายขึ้น เพราะสิทธิการเช่าที่ดินราชพัสดุสามารถนำไปเป็นหลักประกัน เพื่อขอสินเชื่อจากธนาคารที่ดำเนินการโดยรัฐได้ เมื่อทำสัญญาเช่าที่ดิน จะมีการยกเว้นค่าเสียหายฐานบุกรุกที่ดินราชพัสดุให้ผู้ได้สิทธิเช่า เป็นการแก้ปัญหาข้อพิพาทระหว่างรัฐและประชาชนอย่างยั่งยืน
จุลพันธ์กล่าวทิ้งท้ายว่า จากความสำเร็จของหนองวัวซอโมเดลที่จังหวัดอุดรธานีและพื้นที่ในจังหวัดกาญจนบุรี ตนเองในฐานะรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ในความร่วมมือของกรมธนารักษ์และกระทรวงกลาโหม ขอเชิญชวนประชาชนที่สนใจมาเข้าร่วมโครงการกับกรมธนารักษ์ โดยรัฐบาลพร้อมสนับสนุนและดูแลผู้เช่าที่ดินราชพัสดุ รัฐบาลตั้งใจจะขยายพื้นที่โครงการ เพื่อมอบสิทธิในที่ดินสำหรับอยู่อาศัยและทำกินแก่ประชาชนอย่างต่อเนื่องต่อไป
พิธาพูดถึงที่ดินราชพัสดุว่าอย่างไร
ทั้งนี้ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) แบบบัญชีรายชื่อ ในฐานะประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล ได้กล่าวถึงกรณีดังกล่าวขณะไปร่วมรับฟังปัญหาที่ดินจากชาวบ้านหนองวัวซอ จังหวัดอุดรธานี ว่า ในประเทศไทยเป็นที่ดินของรัฐบาลจำนวนมาก โดยที่ดินจำนวนมากนั้นเป็นที่ดินของราชการเช่นกัน ในประเทศไทยมี 320 ล้านไร่ เป็นที่ดินของรัฐบาล 60% และอีก 40% เป็นที่ดินของประชาชน หากอยากเห็นประเทศพัฒนา เจริญขึ้น ไม่ต้องเป็นหนี้สิน และเข้าถึงระบบได้โดยไม่ต้องเป็นหนี้นอกระบบ จะต้องมีที่ดินเป็นกรรมสิทธิ์ เพราะคำว่าสิทธิที่ดินแปลได้หลายอย่าง เป็นสิทธิในการทำกิน ให้เป็นสิทธิในการเช่า หรือเป็นสิทธิในการบริหารจัดการก็ได้
“รัฐบาลให้สิทธิในการเช่าแค่ 3 ปี อย่างนี้ไม่ถือว่าเป็นกรรมสิทธิ์ ผมจะทำร้านก๋วยเตี๋ยว ทาสียังไม่แห้ง เขาจะเอาคืนก็ได้ พ่อแม่พี่น้องจะปลูกมะม่วงสักปีสองปี ถ้าเขาอยากเอาคืน ภายใน 3 ปีเอาคืนได้ ความมั่นคงในชีวิตมันไม่มี” พิธากล่าว