วันนี้ (31 มกราคม) ชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวสรุปผลการทำงานในช่วง 4 เดือนของ เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ว่านายกรัฐมนตรีได้นำประเทศไทยกลับเข้าสู่เรดาร์โลก เป็นสมาชิกโลกที่ตื่นตัวและอยู่ในประเทศต้นๆ ของสายตาโลก วางยุทธศาสตร์การทูตควบคู่เศรษฐกิจเชิงรุก ด้วยนโยบายการต่างประเทศที่จับต้องได้ เพิ่มบทบาทโดยนำไทยสู่เวทีโลก เพื่อประโยชน์ของประเทศและประชาชนเป็นที่ตั้ง
ชัยกล่าวว่า นายกรัฐมนตรีให้ความสำคัญกับทำงานด้านการต่างประเทศเป็นอย่างยิ่ง โดยมุ่งหน้าเปิดตลาดทั่วโลก เพิ่มพันธมิตร พร้อมเป็นเซลส์แมนนำเสนอประเทศไทยในศักยภาพที่หลากหลาย โดยเดินทางเยือน 10 ประเทศ ทั้งเป็นทางการ และการเข้าร่วมการประชุมที่สำคัญ เช่น
- การประชุมสมัชชาสหประชาชาติ สมัยสามัญ ครั้งที่ 78 (UNGA78) นครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา
- การประชุม BRF ครั้งที่ 3 กรุงปักกิ่ง ประเทศจีน
- การประชุมอาเซียนและคณะมนตรีความร่วมมือรัฐอ่าวอาหรับ (GCC) ประเทศซาอุดีอาระเบีย
- การประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจ APEC ประจำปี 2023 ซานฟรานซิสโก ประเทศสหรัฐอเมริกา
- การประชุมสุดยอดอาเซียน-ญี่ปุ่นสมัยพิเศษ (ASEAN-Japan Commemorative Summit) ในวาระครบรอบ 50 ปี ความสัมพันธ์อาเซียน-ญี่ปุ่น
- การประชุม WEF เมืองดาวอส สมาพันธรัฐสวิส
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า นายกรัฐมนตรีให้ความสำคัญทั้งมิติการทูต การค้า โดยใช้โอกาสพูดคุยกับเอกชนรายใหญ่ระดับโลก เพื่อเชิญชวนให้ร่วมลงทุนในไทย เปิดตัวโครงการแลนด์บริดจ์ จนทำให้มีต่างประเทศและบริษัทเอกชน ด้านท่าเรือรายใหญ่ของโลกต่างให้ความสนใจ และเดินทางมาดูพื้นที่ด้วยตนเอง
รวมถึงเปิดวิสัยทัศน์ด้านอุตสาหกรรมทันสมัย ด้านพลังงาน ดิจิทัล รถยนต์ไฟฟ้า (EV) ให้ทั่วโลกได้รับรู้ถึงศักยภาพของไทย และบทบาทของไทยภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรีว่า ประเทศไทยเปิดแล้ว และไม่มีเวลาไหนที่ควรมาลงทุนในไทยมากกว่าเวลานี้
ชัยกล่าวว่า ยุทธศาสตร์ด้านการต่างประเทศของรัฐบาลจะทำให้ไทยก้าวหน้า กลับสู่จุดที่ทั่วโลกให้ความสำคัญ ให้ความสนใจ ยุทธศาสตร์แบบผูกมิตร การทูตที่กินได้ จะทำให้ประชาชนปากท้องดีขึ้น และนายกรัฐมนตรียังตั้งใจที่จะเปิดนโยบายวีซ่าฟรีกับประเทศอื่นเพิ่มขึ้น เพื่อเพิ่มศักยภาพของหนังสือเดินทางไทยในเวทีโลก