เว็บไซต์ข่าว CNBC รายงานว่า ยอดขายสินค้าแบรนด์หรูในจีนกำลังดีดตัวขึ้น แม้จะยังไม่กลับไปสู่ระดับเดิมที่เคยทำไปไว้ในปี 2021 แต่บรรดานักวิเคราะห์อุตสาหกรรมและข่าวทางการเงินจากแบรนด์หลักๆ ชี้ให้เห็นถึงโอกาสการเติบโตใหม่ๆ เมื่อเทียบกับแนวโน้มก่อนเกิดวิกฤตโควิด
ความเห็นดังกล่าวมีขึ้นหลังจากที่เจ้าของแบรนด์ทั้งหลายทยอยเปิดเผยรายงานผลประกอบการประจำปี 2023 ซึ่งส่วนใหญ่พบว่ามีการขยายตัวได้ดี โดยวันพรุ่งนี้ (1 กุมภาพันธ์) จะถึงคิวที่บริษัทยักษ์ใหญ่ของสินค้าแบรนด์เนมอย่าง LVMH จะประกาศผลประกอบการปี 2023 ซึ่งก่อนหน้านี้บริษัทเพิ่งจะตั้งข้อสังเกตว่าสินค้าแฟชั่นและเครื่องหนังมีการเติบโตมากกว่า 30% ในจีนในเดือนธันวาคม แสดงให้เห็นว่า แม้จะมีการกลับมาเดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศอีกครั้ง แต่ผู้บริโภคในจีนจำนวนมากก็ยังซื้อสินค้าฟุ่มเฟือยที่บ้านของตนเอง อีกทั้งยังเป็นการยืนยันให้ LVMH มั่นใจว่า กำลังซื้อภายในจีนเริ่มกลับมาคึกคักอีกครั้ง
ด้าน Bernard Arnault ประธานและซีอีโอของ LVMH กล่าวว่า ปีที่ผ่านมา นอกเหนือจากจำนวนสาขาที่เยอะแล้ว จำนวนลูกค้าชาวจีนที่เข้ามาซื้อสินค้าที่ร้านสาขายังมากกว่าปี 2019 ถึง 2 เท่า
ทั้งนี้ ตลาดสินค้าแบรนด์หรูในจีนแผ่นดินใหญ่เติบโตขึ้นประมาณ 12% ในปีที่แล้ว คิดเป็นมูลค่ามากกว่า 4 แสนล้านหยวน (56.43 พันล้านดอลลาร์) แม้ยอดขายจะยังไม่กลับไปสู่ระดับปี 2021 เนื่องจากความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่ลดลง และการกลับมาช้อปปิ้งสินค้าฟุ่มเฟือยในต่างประเทศอีกครั้ง แต่ Bain & Company คาดว่าตลาดสินค้าฟุ่มเฟือยในประเทศจะเติบโตในปีต่อๆ ไป
ด้าน Weiwei Xing หุ้นส่วนด้านผลิตภัณฑ์อุปโภคบริโภคและการค้าปลีกของ Bain & Company กล่าวว่า ยอดขายสินค้าแบรนด์เนมในจีนแผ่นดินใหญ่คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 16% ของตลาดโลกในปีที่แล้ว และคาดว่าจะขยายตัวเติบโตถึงอย่างน้อย 20% ของตลาดในปี 2030 ก่อนย้ำว่าข้อมูลทั้งหมดชี้ให้เห็นถึงความสำคัญของผู้บริโภคสินค้าแบรนด์เนมชาวจีนและตลาดจีน
ขณะที่ Richemont บริษัทแม่ของ Cartier กล่าวเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมาว่า ยอดขายในจีนแผ่นดินใหญ่ ฮ่องกง และมาเก๊าเพิ่มขึ้น 25% ในช่วง 3 เดือนสุดท้ายของปี 2023 ซึ่งสิ้นสุด ณ วันที่ 31 ธันวาคม โดยในการแถลงผลประกอบการ Burkhart Grund ที่รั้งตำแหน่ง CFO ของบริษัท กล่าวถึงธุรกิจของจีนโดยรวมว่า เป็นการรื้อสร้างใหม่ (Rebuilding) โดยเฉพาะอย่างยิ่งท่ามกลางบริบทของอสังหาริมทรัพย์ที่ยืดเยื้อ และการฟื้นตัวของการท่องเที่ยวในต่างประเทศอย่างช้าๆ ของนักท่องเที่ยวชาวจีน
ขณะเดียวกัน รายงานระบุว่า รายได้ที่เพิ่มขึ้นยังมาจากการเพิ่มช่องทางการเข้าถึง โดยขณะนี้บรรดาแบรนด์หรูทั้งหลายต่างหันมาใช้ช่องทางออนไลน์มากขึ้น เพื่อให้แน่ใจว่าลูกค้ามีส่วนร่วมกับแบรนด์ โดยนักวิเคราะห์มองว่า แบรนด์ใดก็ตามที่สามารถปรับเปลี่ยนตนเองให้ตรงกับความต้องการของตลาดอย่างรวดเร็ว จะมีแนวโน้มเติบโตได้อย่างต่อเนื่องไปอีกนาน
อ้างอิง:
