Bloomberg รายงานว่า ไต้หวันพาวเวอร์ (Taipower) บริษัทรัฐวิสาหกิจผู้ผลิตไฟฟ้ารายหลักของไต้หวัน กำลังเผชิญกับปัญหาทางการเงินที่ส่งผลกระทบต่อเป้าหมายของบริษัทในการเปลี่ยนผ่านไปสู่พลังงานสะอาด ซึ่งจะบั่นทอนชื่อเสียงของประเทศในฐานะผู้ผลิตชิปรายใหญ่ของโลกอีกด้วย
ไต้หวันพาวเวอร์คาดการณ์ว่า บริษัทจะขาดทุนอย่างมากสำหรับผลประกอบการปี 2023 (198,500 ล้านดอลลาร์ไต้หวัน) และปีนี้ดูแล้วสถานการณ์ก็ดูไม่ได้จะดีขึ้นแต่อย่างใด โดยเหตุผลที่บริษัทอยู่ในสภาวะลำบากนั้นมาจากความกดดันทางการเมืองที่พยายามกดให้ค่าไฟฟ้าในประเทศมีราคาถูกทั้งที่ต้นทุนสูง และการลงทุนในพลังงานลมที่ประเทศต่างๆ ก็เจอกับความล่าช้าและค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นเช่นกัน
ถึงแม้ว่าไต้หวันพาวเวอร์จะขึ้นราคาค่าไฟประมาณ 11% ในปีที่ผ่านมา แต่ผลกระทบส่วนใหญ่ก็ตกอยู่กับกลุ่มลูกค้าอุตสาหกรรม และการปรับขึ้นราคาก็เทียบไม่ได้กับต้นทุนพลังงานที่สูงขึ้นเพราะสงครามรัสเซีย-ยูเครน
“ไต้หวันพาวเวอร์เป็นบริษัทรัฐวิสาหกิจ นั่นหมายความว่าพวกเขาจะถูกกดดันจากปัจจัยการเมืองที่จำเป็นต้องกดให้ค่าไฟต่ำอยู่ตลอด โดยไม่เกี่ยวว่าพรรคการเมืองไหนจะอยู่ในอำนาจบริหาร” โรเบิร์ต หลิว ผู้อำนวยการและนักวิเคราะห์ด้านพลังงานในเครือบริษัทที่ปรึกษา Wood Mackenzie กล่าว
ทั้งนี้ ไต้หวันก็ไม่ใช่ประเทศเดียวที่ต้องเผชิญกับความยากลำบากในการหาสมดุลระหว่างเป้าหมายการไปสู่พลังงานสะอาดกับปัญหาต้นทุนการเงินที่สูงขึ้น หากแต่ Korea Electric Power Co. ของประเทศเกาหลีใต้ ก็ตกอยู่ในภาวะที่ไม่ต่างกัน
สำหรับความท้าทายด้านการเปลี่ยนผ่านไปสู่พลังงานสะอาด หากไต้หวันพาวเวอร์ไม่สามารถเดินหน้าพัฒนาต่อได้ อุตสาหกรรมผลิตชิปจะถูกผลกระทบในแง่ความดึงดูดด้านการลงทุนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เนื่องจาก Taiwan Semiconductor Manufacturing Company (TSMC) บริษัทผลิตชิปรายใหญ่ของโลกสัญชาติไต้หวัน ได้ปฏิญาณกับลูกค้าอย่าง Apple และ NVIDIA ว่า บริษัทจะใช้พลังงานสะอาดร้อยเปอร์เซ็นต์ภายในปี 2040
ภาพ: studio-fi / Getty Images
อ้างอิง: