ความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลกับอิหร่านอาจบานปลายสู่สงครามประจันหน้าได้ทุกเมื่อ หลังสภานิติบัญญัติแห่งชาติอิสราเอล (Knesset) ผ่านกฎหมายใหม่ซึ่งมอบอำนาจเต็มที่แก่นายกรัฐมนตรีในการตัดสินใจประกาศสงครามกับประเทศต่างๆ โดยที่ขอความเห็นชอบจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมเพียงคนเดียวเท่านั้น จากเดิมที่ต้องรอการอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีเต็มคณะก่อนที่จะสั่งให้ใช้ปฏิบัติการทางทหารได้
อิสราเอลกับอิหร่านเป็นคู่อริกันมาช้านาน แต่ที่ผ่านมามีการเผชิญหน้าในสงครามตัวแทนและรบรากันในโลกไซเบอร์ ทว่าในช่วงหลังปัญหาระหองระแหงระหว่างสองประเทศกำลังหนักข้อขึ้นเรื่อยๆ จนมีทีท่าว่าจะปะทุเป็นสงครามเต็มรูปแบบได้ทุกเมื่อ
เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา อิหร่านได้ส่งโดรนจากซีเรียเข้าไปในดินแดนอิสราเอล แต่อิสราเอลได้ส่งเฮลิคอปเตอร์ขึ้นไปยิงสกัด ต่อด้วยการส่งเครื่องบินขับไล่ 8 ลำออกปฏิบัติการโจมตีเป้าหมายยุทโธปกรณ์และที่มั่นทางทหารของอิหร่าน 4 แห่งในซีเรีย
และเมื่อเดือนที่แล้วมีเหตุการณ์โจมตีทางอากาศที่ฐานทัพอากาศแห่งหนึ่งในซีเรีย โดยพุ่งเป้าหมายไปที่ยุทโธปกรณ์และทหารอิหร่าน แม้อิสราเอลจะไม่ได้ยอมรับว่าเป็นผู้โจมตี แต่รัสเซียและอิหร่านต่างปักใจเชื่อว่าอิสราเอลอยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ครั้งนั้น
ล่าสุดเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู ของอิสราเอล ได้ออกมากล่าวหาอิหร่านว่าโป้ปดเกี่ยวกับโครงการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ หลังจากหน่วยสืบราชการลับ MOSSAD ของอิสราเอลได้ลักลอบเข้าไปในอิหร่านและสามารถขโมยเอกสารลับเกี่ยวกับโครงการนิวเคลียร์ของอิหร่านออกมาได้นับแสนฉบับ
การที่อิสราเอลเปิดเผยแผนปฏิบัติการจารกรรมข้อมูลครั้งนี้นับเป็นส่วนหนึ่งของการทำสงครามจิตวิทยากับอิหร่าน และอาจเป็นการส่งสัญญาณด้วยว่าอิสราเอลพร้อมที่จะใช้ปฏิบัติการทางทหารกับอิหร่านทุกเมื่อ
อ้างอิง:
