วันนี้ (26 ธันวาคม) วราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) กล่าวถึงการแสดงความเป็นห่วงผู้ประสบภัยน้ำท่วม 13 อำเภอของจังหวัดนราธิวาส โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบาง เด็กเล็ก ผู้สูงอายุ และคนพิการ ว่า จากการติดตามสถานการณ์พบว่าจังหวัดทั้ง 13 อำเภอได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมอย่างหนัก จึงได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ พม.จังหวัดนราธิวาส ช่วยเหลือผู้ประสบภัยร่วมกับหน่วยงานภาครัฐอื่นๆ ในแต่ละพื้นที่
วราวุธกล่าวว่า ตนเป็นห่วงกลุ่มคนพิการและผู้สูงอายุ ซึ่งที่ผ่านมาได้จัดเตรียมสถานที่คือบ้านผู้สูงอายุหรือบ้านพักคนชราในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อรองรับผู้ประสบภัยเป็นที่พักพิงชั่วคราว อีกทั้งยังได้ขอให้ทุกหน่วยงานเตรียมพร้อมเร่งช่วยเหลือหลังน้ำลด สิ่งแรกที่จะต้องทำคือการเยียวยาและเร่งซ่อมแซมบ้านเรือนผู้ประสบภัยที่ได้รับความเสียหาย
วราวุธกล่าวอีกว่า พม. ก็มีงบประมาณซ่อมแซมบ้านเรือนให้ประชาชนผู้ประสบภัยในส่วนของกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการและสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน ส่วนเรื่องสภาพจิตใจก็ได้กำชับให้สหวิชาชีพให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยเช่นกัน เพราะตอนนี้ผู้ประสบภัยหลายหลังคาเรือนพบว่าน้ำท่วมเกือบมิดหลังคาบ้านเรือน และขณะนี้พบว่าน้ำเริ่มหลากเข้าจังหวัดปัตตานีแล้ว ซึ่งคาดว่าอีกหลายพื้นที่ของจังหวัดปัตตานีจะได้รับผลกระทบเช่นเดียวกัน
ทั้งนี้ ได้ให้หัวหน้าส่วนราชการที่อยู่ในพื้นที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยกลับพื้นที่โดยด่วน เพื่อให้ความช่วยเหลือประชาชน หากพบว่าได้รับความเดือดร้อน ขอให้ติดต่อสายด่วน พม. 1300 และศูนย์เร่งรัดจัดการสวัสดิภาพประชาชนที่มีความพร้อมให้บริการประชาชนตลอด 24 ชั่วโมง
สั่งทุกเหล่าทัพระดมสรรพกำลังช่วยน้ำท่วมใต้
ขณะที่ สุทิน คลังแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เปิดเผยถึงสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ภาคใต้ที่รุนแรงขึ้นต่อเนื่องว่า ได้สั่งการให้ทุกเหล่าทัพช่วยเหลือประชาชนอย่างเต็มที่ เพราะเป็นนโยบายของกองทัพว่าหากมีปัญหาอะไรก็ต้องช่วยประชาชน และหากมีความจำเป็นก็จะประสานกองทัพอากาศและกองทัพเรือช่วยเหลือ ซึ่งนอกจากการสั่งการแล้ว ขอฝากผ่านไปยังประชาชนว่า หากมีความเดือดร้อนอะไรก็ให้บอกกองทัพ เพราะกองทัพอาจจะยังไม่ทราบปัญหาและความต้องการของประชาชน หากจะให้ความช่วยเหลือให้ดีที่สุดก็ต้องแจ้งกับฝ่ายทหาร
อย่างไรก็ตาม สุทินยืนยันว่ากลไกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) ช่วยเหลือประชาชนตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีอยู่แล้ว และในส่วนของกองทัพได้ตรวจสอบสถานการณ์อยู่ตลอด แม้จังหวัดยะลาจะเกิดสถานการณ์น้ำท่วมหนักที่สุดในรอบ 30 ปี ก็เชื่อว่ากองทัพจะช่วยเหลือประชาชนได้ดี เพราะมีความพร้อม ไม่ว่าจะเป็นกำลังพลในการขนย้ายคน สัตว์ สิ่งของ หรือเครื่องมือ ทั้งเรือและรถ กองทัพมีเครื่องมือพร้อมที่สุด จึงจะระดมกำลังเข้าช่วยเหลือให้เต็มที่
สุทินกล่าวว่า ล่าสุดขณะนี้กองทัพภาคที่ 4 ได้ดำเนินการลุยช่วยเหลือประชาชนอย่างต่อเนื่อง โดยได้รับรายงานว่าการดำเนินการเป็นไปด้วยดี แต่สถานการณ์ที่เกิดขึ้นแรงเกินคาด เพราะนอกจากน้ำท่วมแล้วยังมีปัญหาเรื่องการใช้ไฟฟ้า การคมนาคมขนส่ง และโรคภัยไข้เจ็บที่จะซ้ำเติมประชาชนด้วย เพราะฉะนั้นต้องระวังทุกอย่าง และหนักที่สุดคือต้องเตรียมการหลังน้ำลด การฟื้นฟูถือเป็นเรื่องใหญ่ ซึ่งจุดนั้นกองทัพจะต้องทุ่มเทช่วยเหลือประชาชนอย่างเต็มที่เช่นกัน
