เกิดอะไรขึ้น:
InnovestX Research ปรับประมาณการการเติบโตของสินเชื่อปี FY2566 ของ บมจ.อิออน ธนสินทรัพย์ (ไทยแลนด์) (AEONTS) ลดลงจาก 5% สู่ 3% เพื่อสะท้อนนโยบายการให้สินเชื่อส่วนบุคคลที่เข้มงวดมากขึ้น เพื่อรับมือกับคุณภาพสินทรัพย์ที่เสื่อมถอยลง โดยคาดว่าการเปิดตัวบริการสินเชื่อจำนำทะเบียนรถยนต์ใน 3QFY66 จะช่วยให้สินเชื่อฟื้นตัวใน 2HFY66
AEONTS ตั้งเป้าขยายสินเชื่อจำนำทะเบียนรถยนต์ 1 พันล้านบาทในปี FY2566 ซึ่งคาดว่าการเติบโตของสินเชื่อจะเพิ่มขึ้นสู่ 5% ในปี FY2567 และปี FY2568 เนื่องจากแรงหนุนจากเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวจะถูกลดทอนลงโดยแรงต้านจากการทยอยปรับเพิ่มอัตราผ่อนชำระขั้นต่ำสำหรับบัตรเครดิต รวมถึงการดำเนินนโยบายการให้สินเชื่ออย่างรับผิดชอบและเป็นธรรม (มีผลบังคับใช้เดือนมกราคม 2567) และการกำหนดภาระหนี้ต่อรายได้ (มีผลบังคับใช้ปี 2568) ของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)
ด้าน Credit Cost คาดว่าจะลดลงอย่างค่อยเป็นค่อยไปใน 2HFY66 และปี FY2567 โดยจะลดลง 45 bps สู่ 8.30% ในปี FY2566 (เทียบกับ 8.61% ใน 1HFY66) และ 5 bps สู่ 8.25% ในปี FY2567 และ 8.20% ในปี FY2568 คุณภาพสินทรัพย์ของ AEONTS จะได้รับผลกระทบจากการทยอยปรับเพิ่มอัตราผ่อนชำระขั้นต่ำสำหรับบัตรเครดิตจาก 5% ในปี 2566 สู่ 8% ในปี 2567 และ 10% ในปี 2568 แต่น่าจะได้รับประโยชน์จากการขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำ
ส่วน NIM เผชิญแรงกดดัน ซึ่งคาดว่า NIM จะลดลงอย่างต่อเนื่องใน 2HFY66 และปี FY2567 อันเป็นผลมาจากต้นทุนทางการเงินที่สูงขึ้น สำหรับปี FY2567 คาดว่า NIM จะได้รับผลกระทบเล็กน้อยจากมาตรการแก้หนี้เรื้อรัง (PD, หนี้ที่มีการจ่ายดอกเบี้ยมากกว่าเงินต้นนาน 5 ปี) สำหรับลูกหนี้ที่มีรายได้น้อย (รายได้ไม่เกิน 10,000 บาทต่อเดือนสำหรับ Non-Bank) โดยตั้งแต่เดือนเมษายน 2567 เป็นต้นไป ลูกหนี้ที่เข้าร่วมมาตรการ PD จะได้รับทางเลือกในการเปลี่ยนสินเชื่อหมุนเวียนมาเป็นแบบมีระยะเวลา (Term Loan) และคิดอัตราดอกเบี้ยไม่เกิน 15% ต่อปี (เทียบกับอัตราเพดาน 25%) โดยกำหนดให้การผ่อนชำระปิดจบภายใน 5 ปี
AEONTS มีสินเชื่อที่ปล่อยให้กับลูกหนี้ที่มีรายได้ไม่เกิน 10,000 บาทต่อเดือนในสัดส่วนประมาณ 5% จากการคำนวณได้ว่ามาตรการนี้จะส่งผลกระทบต่อ NIM ราว 25 bps โดยใช้สมมติฐานว่ามีการนำมาตรการ PD มาใช้กับสินเชื่อ 2.50% ของ AEONTS ทั้งนี้ ได้ปรับประมาณการ NIM ลดลง 20 bps สู่ 17.58% (-97 bps) ในปี FY2566 และ 17.16% (-41 bps) ในปี FY2567
กระทบอย่างไร:
ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา ราคาหุ้น AEONTS ไม่เปลี่ยนแปลง MoM ที่ระดับ 157.50 บาท ขณะที่ SET Index ปรับลง 0.64% สู่ระดับ 1,405.09 จุด
แนวโน้มผลประกอบการปี FY2566:
2HFY66 คาดว่ากำไรจะเพิ่มขึ้น 6%HoH โดยได้รับการสนับสนุนจาก Credit Cost ที่ลดลง และการเติบโตของสินเชื่อที่ฟื้นตัวดีขึ้น โดยคาดว่ากำไร 3QFY66 จะลดลง 35%YoY (ตั้งสำรองเพิ่มขึ้น) และ 14%QoQ (ไม่มีกำไรจากการขาย NPL) สู่ 726 ล้านบาท ทั้งนี้ เมื่อเทียบ QoQ คาดว่า:
- Credit Cost จะลดลง 9 bps (+24 bps YoY)
- สินเชื่อจะเติบโต 1% (0%YoY)
- NIM จะลดลง 10 bps (-53 bps YoY) เนื่องจากต้นทุนทางการเงินสูงขึ้น 4) Non-NII จะลดลง 12% (ลดลง 22%YoY) เนื่องจากไม่มีกำไรจากการขาย NPL
อัตราส่วนต้นทุนต่อรายได้จะเพิ่มขึ้น 161 bps (+405 bps YoY) การปรับประมาณการ NIM ลดลงทำให้ปรับประมาณการกำไรลดลง 5% สำหรับปี FY2566 และ 10% สำหรับปี 2567 โดยปัจจุบันคาดว่ากำไรปี FY2566 จะลดลง 21% และจะกลับมาปรับตัวเพิ่มขึ้น 2% ในปี FY2567
กลยุทธ์การลงทุนยังคงเรตติ้ง Neutral สำหรับ AEONTS โดยปรับราคาเป้าหมายลดลงจาก 177 บาทต่อหุ้น (P/BV 1.65 เท่า และ P/E 13.1 เท่า สำหรับปี FY2567) สู่ 164 บาทต่อหุ้น (P/BV 1.55 เท่า โดยอิงกับ ROE ระยะยาวที่ 12% Cost of Equity ที่ 8.85% และการเติบโตระยะยาวที่ 2.25%)
ปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่ต้องติดตามคือ ความเสี่ยงด้านคุณภาพสินทรัพย์จากการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจที่ไม่ทั่วถึง, ความเสี่ยงด้าน NIM จากอัตราดอกเบี้ยและผลตอบแทนพันธบัตรที่สูงขึ้น และความเสี่ยงด้านกฎระเบียบจากมาตรการลดหนี้ครัวเรือนของ ธปท.