Amazon บริษัทอีคอมเมิร์ซและผู้ให้บริการคลาวด์รายใหญ่ของโลกได้ก้าวเข้าสู่สังเวียน Generative AI อย่างเต็มตัว หลังจากล่าสุดประกาศเปิดตัว Amazon Q แชตบอตที่เน้นสำหรับการใช้งานด้านธุรกิจอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ภายในงาน Amazon Web Services re:Invent ณ เมืองลาสเวกัส
การเปิดตัวแชตบอตครั้งนี้ของ Amazon ถือเป็นความพยายามที่จะเข้ามาแข่งในสนาม AI กับ Google และ Microsoft ที่ทั้งสองมีเครื่องมือ Generative AI ของค่ายตัวเองแล้ว
ในตอนนี้เวอร์ชันทดลองใช้งานฟรีของ Amazon Q ได้เปิดให้บริการแล้ว แต่เมื่อช่วงใช้ฟรีสิ้นสุดลง ค่าใช้จ่ายต่อหัวเริ่มต้นที่จะอยู่ที่ 20 ดอลลาร์สหรัฐต่อเดือน และ 25 ดอลลาร์สหรัฐต่อเดือน สำหรับนักพัฒนาโปรแกรมและฝ่ายไอทีที่ต้องใช้งานฟีเจอร์ที่หลากหลายกว่า ซึ่งราคาทั้งสองตัวเลือกยังถือว่าต่ำกว่าเมื่อเทียบกับคู่แข่งอย่าง Duet AI for Google Workspace และ Copilot for Microsoft 365 ที่ต่างตั้งราคาอยู่ที่ 20 ดอลลาร์สหรัฐต่อคนต่อเดือน
จุดเด่นของ Amazon Q จากการแถลงของ อดัม เซลิปสกี ซีอีโอประจำ AWS คือความสามารถในการเชื่อมต่อและปรับแต่งให้เข้ากันกับแอปพลิเคชันสำหรับการทำงานได้อย่างหลากหลายกว่า 40 ตัว เช่น Salesforce, Slack, Zendesk และ Gmail เป็นต้น โดยการเชื่อมต่อกับแอปต่างๆ เป็นตัวช่วยให้ Amazon Q ได้เรียนรู้และเข้าใจบริบทในการทำงานภายใน ที่รวมทั้งด้านธุรกิจ โครงสร้างองค์กร ไปจนถึงคอนเซปต์ของสินค้าหรือบริการ
“คุณสามารถพูดคุยและสั่งให้ Q ทำหน้าที่ต่างๆ ได้อย่างง่ายดาย เพราะระบบได้ทำความเข้าใจกระบวนการทำงานของเราแล้ว” เซลิปสกีกล่าว
ผู้ใช้งานสามารถอัปโหลดไฟล์ต่างๆ ให้ Amazon Q วิเคราะห์ ซึ่งคำตอบที่ได้กลับมาจะมาพร้อมกับแหล่งอ้างอิงข้อมูลที่ AI ตัวนี้ไปหามา เพื่อให้การตรวจสอบความถูกต้องง่ายมากขึ้น และนอกจากนี้ Amazon Q ยังสามารถแจ้งเตือนทีมและอัปเดตข้อมูลในแดชบอร์ดได้แบบอัตโนมัติอีกด้วย แต่เพื่อป้องกันความผิดพลาด โปรแกรมจะเช็กผู้ใช้งานเสมอ เพื่อตัดสินว่าต้องการให้ดำเนินกระบวนการอัตโนมัติหรือไม่ก่อนที่มันจะสร้าง Output ออกมา
อย่างไรก็ตาม รายงานของ O’Reilly ในหัวข้อ Generative AI in the Enterprise ระบุว่า ถึงแม้การใช้งาน Generative AI จะแพร่หลายอย่างรวดเร็ว แต่องค์กรหลายรายกลับเจอกับความท้าทายในการหา Use Case ที่คุ้มค่า และความเข้าใจที่ยังไม่ชัดเจนกับการผนวกรวมเทคโนโลยี AI เข้าไปในการทำงานรูปแบบใหม่ ดังนั้นเรายังคงต้องจับตาดูความเคลื่อนไหวในสังเวียน AI ของเหล่าบิ๊กเทค ว่าโซลูชันของใครจะแก้ปัญหาที่หลายธุรกิจกำลังเจอและตอบโจทย์ลูกค้าได้ดีที่สุด
อ้างอิง: