กระทรวงพาณิชย์เผย ส่งออกไทยเดือนตุลาคมโต 8% สูงสุดในรอบ 13 เดือน คาดทั้งปีติดลบ 1% หลังไตรมาสสุดท้ายมีแนวโน้มเป็นบวก มองปีหน้ายังขยายตัวได้ 1-2%
กีรติ รัชโน ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภาวะการค้าระหว่างประเทศของไทยในเดือนตุลาคม 2566 ว่า มีมูลค่า 23,578.8 ล้านดอลลาร์ (841,366 ล้านบาท) ขยายตัว 8.0% สูงสุดในรอบ 13 เดือน ขณะที่การนำเข้ามีมูลค่า 24,411 ล้านดอลลาร์ ขยายตัว 10.2% ส่งผลให้ดุลการค้าขาดดุล 832.3 ล้านดอลลาร์
กระทรวงพาณิชย์ระบุว่า การส่งออกของไทยในเดือนตุลาคมขยายตัวได้มากกว่าที่คาดด้วยแรงหนุนจากอุปสงค์ที่ทยอยฟื้นตัวในช่วงเทศกาลปลายปี ประกอบกับปัจจัยหนุนอื่นๆ เช่น อัตราเงินเฟ้อเฉลี่ยทั่วโลกเริ่มลดลง แม้ว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายจะอยู่ในระดับสูง แต่เริ่มมีสัญญาณใกล้ยุติมาตรการคุมเข้มทางการเงินโดยเฉพาะสหรัฐฯ ในขณะที่มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจขนาดใหญ่ของจีนเริ่มส่งผล โดยตัวเลขการบริโภคและการลงทุนของจีนเริ่มฟื้นตัวขึ้น ส่วนสถานการณ์อิสราเอลและฮามาสยังคงอยู่ในวงจำกัดจึงยังไม่กระทบต่อการส่งออกภาพรวม
ทั้งนี้ หากแยกดูเป็นรายหมวดสินค้าพบว่า มูลค่าการส่งออกสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตรขยายตัวได้ 9.3% (YoY) โดยสินค้าสำคัญที่ขยายตัว ได้แก่ ข้าว, ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง, ผลไม้สด แช่เย็น แช่แข็ง และแห้ง และอาหารสัตว์ ขณะที่มูลค่าการส่งออกสินค้าอุตสาหกรรมขยายตัว 5.4% (YoY) โดยมีสินค้าสำคัญ เช่น รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ, อัญมณีและเครื่องประดับ (ไม่รวมทองคำ), เครื่องโทรศัพท์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ และอุปกรณ์กึ่งตัวนำ ทรานซิสเตอร์ และไดโอด
สำหรับภาพรวม 10 เดือนแรกของปี 2566 การส่งออกมีมูลค่า 236,648.2 ล้านดอลลาร์ หดตัว 2.7% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน การนำเข้ามีมูลค่า 243,313.2 ล้านดอลลาร์ หดตัว 4.6% ดุลการค้า 10 เดือนแรกของปี 2566 ขาดดุล 6,665 ล้านดอลลาร์
ปลัดกระทรวงพาณิชย์ระบุว่า หากดูทิศทางการส่งออกในช่วงเวลาที่เหลือของปีนี้ โดยภาพรวมเมื่อเทียบกับการส่งออกในประเทศต่างๆ แล้ว ถือว่าไทยติดลบน้อยกว่าประเทศเพื่อนบ้านทั้งสิ้น ซึ่งมีสัญญาณที่ดีต่อการค้าและเศรษฐกิจโลกที่เริ่มกลับมาดีขึ้น ดังนั้น หากไทยผลักดันการส่งออก ร่วมมือกับภาคเอกชนทุกกลุ่มอย่างใกล้ชิด เชื่อว่าโอกาสการส่งออกไทยในปีนี้จะติดลบเพียง 1% เท่านั้น ประกอบกับสถานการณ์สงครามระหว่างอิสราเอลกับฮามาสถือว่าไม่รุนแรง ดังนั้น ในปีหน้าโอกาสที่การส่งออกของไทยจะขยายตัวเป็นบวกได้ 1-2% หรือมียอดมูลค่าการค้ามากถึงกว่า 280,000 ล้านดอลลาร์ได้แน่นอน