วันนี้ (25 พฤศจิกายน) นพ.ธนาธิป ศุภประดิษฐ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ธนบุรี เฮลท์แคร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าวปาฐกถาบนเวที THE STANDARD ECONOMIC FORUM 2023 ภายใต้หัวข้อ Unlock the Potential of the Healthcare Industry of Thailand in Global: ธุรกิจ Healthcare ไล่ล่าน่านน้ำใหม่ คว้าโอกาสในเวทีโลก
นพ.ธนาธิป กล่าวว่า อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ หรือ Medical Tourism Industry ของไทย ถือเป็นเบอร์ 5 ของโลก โดยเราสามารถทำรายได้จากอุตสาหกรรมการแพทย์เป็นอันดับ 1 ของเอเชีย และเป็นอันดับ 4 ของโลก มีส่วนแบ่งการตลาดอยู่ที่ 9% ของโลก โดยลูกค้าส่วนใหญ่เดินทางมาจากกลุ่มประเทศ CLMV ตะวันออกกลาง และจีน
อย่างไรก็ตาม อันดับของไทยนั้นคงตัวอยู่ที่เบอร์ 5 มาตั้งแต่ปี 2011 หรือไม่มีการขยับขึ้นมากว่าสิบปี นพ.ธนาธิป จึงมองว่า ไทยควรมีส่วนที่จะต้องรักษาทั้งจุดแข็ง และเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับส่วนที่อาจจะยังเป็นความท้าทายอยู่
สำหรับสาเหตุที่ทำให้อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ของไทยแข็งแกร่งคือ 1. ประเทศเรามีโครงสร้างพื้นฐานด้านสาธารณสุขที่เข้มแข็ง (Quality Healthcare Infrastructure) 2. เรามีบริการการแพทย์เฉพาะทางที่มีประสิทธิภาพ (Specialized Medical Services) โดยไทยมีกำลังการผลิตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญสูงสุดในอาเซียน คือปีละประมาณ 1,800 คน และ 3. การรักษามีราคาที่เอื้อมถึงได้ (Affordable Prices) ซึ่งทั้งสามข้อนี้ถือเป็นจุดแข็งที่เราควรรักษาระดับไว้ หรือทำให้ดียิ่งขึ้นกว่าเดิม
อย่างไรก็ตาม หนึ่งในประเด็นที่ไทยยังต้องพัฒนานั้น นพ.ธนาธิป กล่าวว่า คือเรื่องของการสนับสนุนจากภาครัฐ (Government Support) เช่น นโยบายส่งเสริมการลงทุน การสนับสนุนโรงพยาบาลเฉพาะทางผู้สูงอายุ หรือการมอบสิทธิประโยชน์ทางภาษี
โดย นพ.ธนาธิป เสนอให้รัฐบาลออกนโยบายทางภาษีที่สร้างแรงจูงใจ เช่น ‘ภาษีลูกกตัญญู’ หรือการที่ลูกหลานสามารถนำค่าดูแลบุพการีไปลดหย่อนภาษีได้ 100,000 บาทต่อปี หรือลักษณะคล้ายกับการซื้อประกันชีวิต หรือแคมเปญ ‘ภาษีอภิชาตบุตร’ ลดภาษีได้เหมือน RMF ซึ่งจะช่วยกระตุ้นอุตสาหกรรมสุขภาพที่เน้นการดูแลผู้สูงอายุท่ามกลางสังคม Super Aging Society ของไทย ให้มีการเติบโตที่แข็งแกร่งเหมือนกับต่างประเทศ
สำหรับสิ่งที่เป็นความท้าทายใหญ่ของอุตสาหกรรมสุขภาพคือ เรื่องของทรัพยากรบุคคลที่ยังขาดแคลน นพ.ธนาธิป กล่าวว่า “โรงพยาบาลเปิดไม่ได้ไม่ใช่เพราะไม่มีเงิน แต่เพราะขาดพยาบาล” หากเทียบให้เห็นภาพคือ โรงแรม 5 ดาว 1 ห้องใช้พนักงาน 5 คน แต่โรงพยาบาลขนาดใหญ่ ผู้ป่วย 1 เตียง ต้องใช้พนักงานดูแลถึง 8 คน และในจำนวนดังกล่าวต้องเป็นพนักงานที่มีทักษะสูงหรือทักษะเฉพาะทางแล้ว 4 คน”
อย่างไรก็ดี ปัจจุบันความต้องการพยาบาลในอุตสาหกรรมการแพทย์อยู่ที่ 15,000 คนต่อปี แต่มีพยาบาลมาสมัครเพียงแค่ 8,000 คนเท่านั้น เพราะคนไม่ค่อยอยากทำงานบริการ เนื่องจากเป็นงานที่หนักและเหนื่อย แม้จะเป็นได้เงินเดือนดีก็ตาม และอีกหนึ่งประเด็นสำคัญคือ รัฐบาลไม่บรรจุพวกเขาเป็นข้าราชการ ซึ่งเป็นปัญหาเรื้อรังในประเทศไทยมานานหลายปี
โดย นพ.ธนาธิป แสดงข้อเสนอแนะว่า รัฐบาลควรปลดล็อกปัญหานี้ให้ได้เสียก่อน เพื่อทำให้พยาบาลกลับมาเป็นอาชีพในดวงใจของคนไทยอีกครั้งหนึ่ง เพราะอุตสาหกรรมการแพทย์เป็นอุตสาหกรรมที่ต้องใช้แรงงานมาก (Labor-Intensive Industry) การสร้างความก้าวหน้าทางอาชีพให้กับคนในอุตสาหกรรมถือเป็นเรื่องสำคัญที่จะป้องกันภาวะสมองไหลได้เป็นอย่างดี