วันนี้ (20 พฤศจิกายน) พล.ร.อ. อะดุง พันธุ์เอี่ยม ผู้บัญชาการทหารเรือ ระบุถึงความคืบหน้าในการกู้เรือหลวงสุโขทัยที่อับปางเมื่อวันที่ 18 ธันวาคม 2565 ว่าเป็นขั้นตอนที่ยากมาก เพราะเรือหลวงสุโขทัยจมที่ความลึก 50 เมตร ซึ่งการจะนำเรือรบที่มีความลึกในระดับ 50 เมตรขึ้นมาทั้งลำไม่ใช่เรื่องง่าย
ทั้งนี้ กองทัพเรือต้องการนำเรือขึ้นมาในสภาพสมบูรณ์ที่สุด เพราะเป็นวัตถุพยานเพื่อนำมาปิดคดี ดังนั้นบริษัทต่างๆ ที่เข้าประมูลต้องมีใบอนุญาตต่างๆ มากมาย ซึ่งขณะนี้น่าจะได้คำตอบที่ดี
คาดว่าจะนำเรือขึ้นมาได้ช่วงเดือนมีนาคม-เมษายน 2567
หากเป็นไปตามไทม์ไลน์คาดว่าจะเสนอให้ผู้บัญชาการทหารสูงสุดอนุมัติในช่วงเดือนธันวาคมนี้ และจะได้เริ่มกระบวนการกู้เรือต่อไป หากสิ่งศักดิ์สิทธิ์มีจริงก็ขอให้เรือหลวงสุโขทัยขึ้นมาในช่วงต้นปีหน้า ช่วงเดือนมีนาคม-เมษายน 2567 ทั้งนี้หลังจากนำเรือขึ้นมาแล้วจะดำเนินการอย่างไรต่อนั้น กองทัพเรือจะพิจารณาในขั้นตอนต่อไป
สำหรับความคืบหน้าขั้นตอนการประมูลของบริษัทที่จะมาดำเนินการกู้เรือนั้น ผู้บัญชาการทหารเรือย้ำว่า ใกล้เสร็จสิ้นแล้ว เหลือเพียงขั้นตอนสุดท้าย ส่วนการสอบสวนคดีนี้จะสิ้นสุดในยุคที่ทำหน้าที่เป็นผู้บัญชาการทหารเรือหรือไม่นั้น ขอยืนยันว่าจะต้องจบในยุคนี้ เพราะเสนาธิการทหารเรือคนก่อนทำสำนวนไว้แล้วว่าเรือหลวงสุโขทัยประสบอุบัติเหตุในจุดใดบ้าง เมื่อนำเรือขึ้นมาแล้วก็จะตอบโจทย์ตามข้อสันนิษฐานในสำนวนคดี ถ้าใช่ตรงตามนั้นก็เป็นอันว่าจบและจะทราบว่าเรือจมเพราะอะไร
ส่วนสภาพของเรือหลวงสุโขทัยล่าสุดอยู่ในลักษณะใดนั้น ผู้บัญชาการทหารเรือระบุว่า เหมือนอภินิหาร เรือยังคงตั้งตรงเหมือนลอยอยู่บนผิวน้ำ หัวเรือหันหน้าไปทางศาลกรมหลวงชุมพรฯ ที่จังหวัดชุมพร ตั้งแต่วันที่จมจนถึงวันนี้ก็ยังอยู่ในสภาพนั้น
สภาพของเรือก็จะอยู่เหมือนเดิม อาจมีตะไคร่น้ำเข้าไปเกาะ
ส่วนที่มีข้อกังวลว่าจุดที่เสียหายจะถูกทำลายโดยธรรมชาติและเสื่อมไปตามกาลเวลาหรือไม่ มองว่าไม่น่าจะเป็นเช่นนั้น อาจมีเพียงตะไคร่น้ำเข้าไปเกาะตัวเรือที่เป็นเหล็ก หากไม่มีอะไรไปกระทบตัวเรืออย่างรุนแรงสภาพของเรือก็จะอยู่เหมือนเดิม
ผู้บัญชาการทหารเรือย้ำว่า ในโอกาสวันกองทัพเรือในวันนี้ ขอให้ทุกคนเป็นกำลังใจให้กับกองทัพเรือ และลูกหลานเสด็จเตี่ยจะทำหน้าที่ให้ดีที่สุด พร้อมทั้งขอให้การผลักดันโครงการเรือดำน้ำประสบความสำเร็จด้วยเช่นกัน
ย้อนเหตุการณ์เรือรบเจอกับพายุฝน โหมกระหน่ำจนต้องอับปางกลางอ่าวไทย
วันที่ 18 ธันวาคม 2565 เวลาประมาณ 23.00 น. พล.ร.อ. ปกครอง มนธาตุผลิน โฆษกกองทัพเรือ ออกข่าวชี้แจงกรณีเรือหลวงสุโขทัยมีอาการเอียง ตามที่ปรากฏข้อมูลข่าวสารในสื่อสังคมออนไลน์ตั้งแต่ช่วงค่ำวันนั้น เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นขณะเรือหลวงสุโขทัยกำลังลาดตระเวนอยู่บริเวณแบริ่ง 090 ระยะ 20 ไมล์ จากท่าเรืออำเภอบางสะพาน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ได้ประสบเหตุเรือมีอาการเอียงเนื่องจากขณะนั้นบริเวณดังกล่าวมีคลื่นลมแรง ทำให้มีน้ำทะเลบางส่วนไหลเข้าระบบเครื่องไฟฟ้าผ่านท่อไอเสียข้างเรือ จนทำให้เครื่องไฟฟ้าดับ และส่งผลให้เครื่องจักรใหญ่หยุดทำงาน เป็นเหตุให้ไม่สามารถควบคุมเรือได้ และทำให้น้ำเข้าภายในตัวเรืออย่างรวดเร็วจนทำให้เรือเอียงและอับปาง
ต่อมาวันที่ 19 ธันวาคม 2566 เวลาประมาณ 08.00 น. พล.ร.อ. ปกครอง ระบุว่า เรือหลวงกระบุรีได้เดินทางไปถึงจุดเกิดเหตุเมื่อเวลา 20.40 น. และพยายามเข้าเทียบเรือหลวงสุโขทัย เพื่อส่งเครื่องสูบน้ำเคลื่อนที่และช่วยเหลือกำลังพลจำนวน 106 นาย แต่ไม่สามารถดำเนินการได้เนื่องจากคลื่นลมยังคงรุนแรง
และได้สรุปจำนวนกำลังพลที่ได้รับการช่วยเหลือ ณ ขณะนั้น 75 นาย คงเหลือกำลังพลที่ยังต้องค้นหาและช่วยเหลืออีก 31 นาย หลังเรือหลวงกระบุรีสามารถเข้าไปช่วยเหลือกำลังพลเพิ่มอีกจำนวน 1 นาย ขณะสวมชูชีพลอยคออยู่กลางทะเล และได้ปฏิบัติการช่วยเหลืออย่างต่อเนื่อง
เข้าสู่วันที่ 20 ธันวาคม 2565 เวลา 17.00 น. พล.ร.อ. เชิงชาย ชมเชิงแพทย์ ผู้บัญชาการทหารเรือในขณะนั้น และ พล.ร.อ. ชลธิศ นาวานุเคราะห์ เสนาธิการทหารเรือ เปิดแถลงข่าวความคืบหน้าเหตุการณ์เรือหลวงสุโขทัยอับปางที่กองบัญชาการกองทัพเรือ ใจความสำคัญคือการเรียงลำดับเหตุการณ์และประเด็นที่สังคมตั้งคำถาม
กระทั่งเวลาผ่านไปถึงวันที่ 12 มกราคม 2566 เวลา 17.00 น. พล.ร.อ. ปกครอง ออกมาเปิดเผยว่า เหตุการณ์เรือหลวงสุโขทัยอับปางในครั้งนั้นมีกำลังพลที่ผลพิสูจน์เอกลักษณ์บุคคลที่ผู้เสียชีวิต 24 คน
อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันยังไม่สามารถกู้ซากเรือหลวงสุโขทัยขึ้นมาได้ หากมีรายงานความคืบหน้า ทีมข่าว THE STANDARD จะรายงานให้ทราบต่อไป