เกิดอะไรขึ้น:
เมื่อวานนี้ (13 พฤศจิกายน) บมจ.กรุงเทพดุสิตเวชการ (BDMS) รายงานกำไรสุทธิทำสถิติสูงสุดที่ 3.9 พันล้านบาทใน 3Q66 เพิ่มขึ้น 15%YoY และ 27%QoQ สูงกว่า Consensus คาด 8% โดยได้แรงหนุนจากรายได้และ EBITDA Margin ที่แข็งแกร่ง กำไรสุทธิที่ปรับตัวดีขึ้น YoY เกิดจากรายได้ที่สูงขึ้นและดอกเบี้ยจ่ายที่ลดลง ในขณะที่กำไรสุทธิที่เติบโต QoQ เกิดจากปัจจัยฤดูกาลและดอกเบี้ยจ่ายที่ลดลง
สำหรับรายการสำคัญในผลประกอบการ 3Q66 ดังนี้
- รายได้ 3Q66 อยู่ที่ 2.55 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 12%YoY และ 10%QoQ หากไม่รวมรายได้จากบริการโควิดใน 3Q65 พบว่ารายได้เติบโตอย่างแข็งแกร่ง 23%YoY เมื่อจำแนกตามสัญชาติ รายได้จากบริการผู้ป่วยชาวต่างชาติเติบโต 19%YoY และ 8%QoQ สู่ 6.5 พันล้านบาท (26% ของรายได้)
โดยเกิดจากการฟื้นตัวของผู้ป่วยกลุ่ม Fly in จากกาตาร์ (เพิ่มขึ้น 81%YoY), จีน (เพิ่มขึ้น 42%YoY) และกัมพูชา (เพิ่มขึ้น 11%YoY) รายได้จากบริการผู้ป่วยชาวไทย (74% ของรายได้) อยู่ที่ 1.89 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 9%YoY และ 11%QoQ จากบริการที่ไม่เกี่ยวกับโควิด ที่เติบโตมากขึ้น และโรคตามฤดูกาล เช่น ไข้หวัดใหญ่ และไข้เลือดออก
- EBITDA Margin อยู่ที่ 24.9% ใน 3Q66 ลดลงเล็กน้อยจาก 25.1% ใน 3Q65 แต่ปรับตัวดีขึ้นจาก 22.8% ใน 2Q66
- ดอกเบี้ยจ่ายอยู่ที่ 122 ล้านบาท ลดลง 21%YoY และ 9%QoQ จากการไถ่ถอนหุ้นกู้
กระทบอย่างไร:
วันนี้ (14 พฤศจิกายน) ณ 12.30 น. ราคาหุ้น BDMS ปรับขึ้น 0.99%DoD สู่ระดับ 25.50 บาท ขณะที่ SET Index ปรับลง 0.58%DoD สู่ระดับ 1,379.04 จุด
แนวโน้มผลประกอบการปี 2566:
กำไร 9M66 คิดเป็น 74% ของประมาณการกำไรปี 2566 ที่ 1.4 หมื่นล้านบาท (เพิ่มขึ้น 12%YoY) และคาดว่ากำไรปกติ 4Q66 จะเติบโต YoY แต่จะลดลง QoQ จากปัจจัยฤดูกาล
สำหรับปี 2567 ประเมินกำไรปกติได้ที่ 1.5 หมื่นล้านบาท เติบโต 8% โดยอิงกับรายได้ที่สูงขึ้น (เพิ่มขึ้น 6%) และ EBITDA Margin ที่กว้างขึ้น (24.9% จาก 24.5%) อันเป็นผลมาจากบริการผู้ป่วยชาวต่างชาติที่เติบโตมากขึ้น รายได้จากศูนย์การแพทย์แห่งความเป็นเลิศ (Centers of Excellence) ที่เพิ่มขึ้น และการใช้ประโยชน์สินทรัพย์ได้ดีขึ้น
ด้านราคาหุ้น BDMS ที่ปรับตัวลดลง 6% เมื่อวานนี้ โดยเทรดที่ P/E ปี 2567 ระดับ 26 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในอดีตที่ระดับ -2SD (36 เท่า) InnovestX Research มองว่าราคาหุ้นปรับตัวลดลงมากเกินไป สวนทางกับแนวโน้มกำไรที่แข็งแกร่ง โดยยังคงคำแนะนำ Tactical Call ระยะ 3 เดือน สำหรับ BDMS ไว้ที่ Outperform ด้วยราคาเป้าหมายสิ้นปี 2567 อ้างอิงวิธี DCF (WACC ที่ 7.1% และการเติบโตระยะยาวที่ 3%) ที่ 35 บาทต่อหุ้น และเลือก BDMS เป็นหุ้นเด่นในกลุ่มการแพทย์
ปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่ต้องติดตามคือเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดที่จะส่งผลกระทบให้ผู้ป่วยชะลอการเข้าใช้บริการ การแข่งขันรุนแรง การขาดแคลนบุคลากร และความเสี่ยงด้านกฎหมาย
