วันนี้ (9 พฤศจิกายน) เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ให้สัมภาษณ์ถึงการร่วมรับประทานอาหารค่ำกับแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลวานนี้ว่า หลังจากที่ได้บริหารงานมาเป็นเวลา 2 เดือน เป็นรัฐบาลที่มีหลายพรรคร่วม ซึ่งเราเจออยู่แล้วในเวทีทางการ เช่น การประชุมคณะรัฐมนตรี ในการประชุมวงเล็ก ก็มีการพบปะเจอกันบ้าง
ในฐานะที่เพิ่งเข้าสู่วงการการเมืองและไม่ได้เป็นนายกรัฐมนตรีมาก่อน วันนี้มาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ไม่มีความชำนาญในการใช้เวทีที่เป็นทางการเท่ากับพี่ๆ น้องๆ หลายท่าน
มีการพูดคุยว่ารัฐบาลก่อนๆ ในฐานะที่ดำรงตำแหน่งมาหลายรัฐบาล มีการพัฒนาเป็นอย่างไร มีวิธีการดำเนินการประชุม การพูดคุย การบริหารราชการแผ่นดินอย่างไร ซึ่งแต่ละคนก็มีข้อแนะนำมาและตนก็น้อมรับ เป็นการพูดคุยที่เป็นกันเองในสถานที่สบายๆ อาหารอร่อย ไม่มีการพูดคุยเรื่องหนัก เช่น เรื่องเศรษฐกิจ มีเพียงแค่วิธีการทำงานของพรรคร่วมรัฐบาลมากกว่า ซึ่งตนก็บอกถึงตัวตนในการทำงานและสไตล์การบริหาร
เศรษฐากล่าวด้วยว่า ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้สอนให้ตนปรับปรุงตัวเอง เพราะเป็นคนพูดตรง ก็ต้องมีการปรับปรุงบ้างเพื่อให้ไปถึงจุดมุ่งหมาย ซึ่งส่วนตัวก็น้อมรับไปปฏิบัติ
เพราะเราก็ต้องอยู่ด้วยกัน มีอะไรก็พูดคุยกันได้ แนะนำว่าอยากให้เจอกันบ่อยขึ้นโดยการสลับกันเป็นเจ้าภาพ และครั้งหน้า อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย จะเป็นเจ้าภาพ
เมื่อถามว่า ในฐานะผู้นำรัฐบาลได้ขอความร่วมมือกับพรรคร่วมรัฐบาลเป็นพิเศษหรือไม่ เศรษฐากล่าวว่า “ไม่มีเลยครับ ผมเชื่อว่าทุกท่านรู้หน้าที่ดีว่าเรามาลงเรือลำเดียวกัน เราช่วยกัน เรามาที่นี่เพื่อยกระดับความเป็นอยู่ของประชาชนทุกคน เชื่อว่าทุกท่านรู้หน้าที่กันดี”
ดินเนอร์กระชับความสัมพันธ์ เชื่อจะทำให้การทำงานต่อไปราบรื่น
ขณะที่ ภูมิธรรม เวชยชัย กล่าวว่า ในการทำงานตลอดระยะเวลา 2 เดือนมีแต่พูดคุยกันเรื่องงาน ดังนั้นเมื่อคืนนี้นายกรัฐมนตรีจึงถือโอกาสเป็นเจ้าภาพมาพูดคุยสอบถามสารทุกข์สุกดิบ บรรยากาศการพูดคุยก็เป็นไปอย่างสนุกสนาน เชื่อว่าความร่วมมือแบบนี้น่าจะทำให้รัฐบาลทำงานได้เต็มที่ บางครั้งมีอะไรที่ไม่เข้าใจกันบ้างก็จะให้คุยกันเลย จึงไม่น่ามีปัญหา
ส่วนบทบาทของ แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ที่ถูกมองว่าเด่นกว่านายกรัฐมนตรีนั้น ภูมิธรรมกล่าวว่า แพทองธารกับนายกฯ พูดคุยกันตลอด และเราก็รู้ว่าช่วยกันทำงานในแต่ละหน้าที่ที่รับผิดชอบ ในเรื่องของพรรคเพื่อไทยเป็นหน้าที่ของแพทองธารที่จะทำพรรคเพื่อไทยให้เข้มแข็ง ขณะที่นายกรัฐมนตรีก็ทำหน้าที่บริหารราชการแผ่นดิน โดยจะต้องประสานกับคณะรัฐมนตรีทั้งคณะเพื่อทำงานให้ได้ตามเป้าหมาย เป็นการแยกทำหน้าที่อย่างชัดเจน แต่มีการพูดคุยกันตลอด
แลกเปลี่ยนประสบการณ์ทางการเมือง
ด้าน วราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ในฐานะหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา เปิดเผยว่า นายกรัฐมนตรีมีประสบการณ์ทางด้านธุรกิจ ดังนั้นจึงมาฟังผู้หลักผู้ใหญ่ทางการเมืองและแลกเปลี่ยนกัน ทำให้ได้กระชับความสัมพันธ์ระหว่างพรรคร่วมกัน ซึ่งนายกรัฐมนตรีดูแฮปปี้ในการทำงาน มีองค์ความรู้เยอะ ถือว่าเป็นการเตรียมตัวมาดีและให้เกียรติกับทุกพรรค
เร่งความเชื่อมั่นพรรคร่วม หลังดิจิทัลวอลเล็ตไม่คืบ
ดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท เป็นนโยบายใหญ่และนโยบายหลักของรัฐบาลเศรษฐาที่พรรคเพื่อไทยชูมาโดยตลอด แต่ความไม่ชัดเจนของโครงการทำให้โดนโจมตีอย่างต่อเนื่อง มีเสียงค้านจากฝั่งนักวิชาการ รวมไปถึง สส. พรรคภูมิใจไทยบางส่วนที่อยากให้นำเงินไปใช้แก้ปัญหาอื่นมากกว่า
ระหว่างทางมีเพียงพรรคเพื่อไทยที่ออกมาแก้ปมปัญหานี้ กระทั่ง เจษฎ์ โทณะวณิก ประธานคณะนิติศาสตร์ วิทยาลัยบัณฑิตเอเชีย เสนอให้พรรคร่วมรัฐบาลยกมือถอดถอนเศรษฐาในการอภิปรายไม่ไว้วางใจ เพราะนโยบายนี้เป็นประชานิยม จะสร้างความเสียหายให้กับประเทศ รวมทั้งข่าวพรรคร่วมรัฐบาลไม่เห็นด้วยกับนโยบายดังกล่าว
ทำให้เกิดปรากฏการณ์รวมตัวพรรคร่วมในงานต่างๆ ทั้งการชมภาพยนตร์ สัปเหร่อ กิจกรรมแสงนำใจไทยทั้งชาติ เดิน วิ่ง ปั่น ป้องกันอัมพาต และล่าสุดภาพการรวมตัวดินเนอร์วานนี้ พร้อมทั้งการออกมาให้ข่าวสนับสนุนดิจิทัลวอลเล็ตของพรรคร่วมที่พร้อมใจกันให้ข่าว ต่างจากปฏิกิริยาก่อนหน้าที่เงียบเฉย
จากนี้คงต้องดูว่าพรรคร่วมรัฐบาลจะจับมือร่วมกันผลักดันนโยบายดิจิทัลวอลเล็ตให้ไปจนถึงฝั่งฝันโดยไม่แตกแถวได้หรือไม่ และนโยบายดิจิทัลวอลเล็ตจะมีความชัดเจนเมื่อใด
