วันนี้ (16 ตุลาคม) ที่ทำเนียบรัฐบาล เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงการเดินทางไปประชุมเวทีข้อริเริ่มสายแถบและเส้นทาง (Belt and Road Forum for International Cooperation: BRF) ครั้งที่ 3 ที่สาธารณรัฐประชาชนจีน และการประชุมสุดยอดอาเซียนคณะมนตรีความร่วมมือรัฐอ่าวอาหรับ (ASEAN-GCC Summit) ครั้งที่ 1 ที่ซาอุดีอาระเบีย ระหว่างวันที่ 16-22 ตุลาคม โดยจะใช้ความสัมพันธ์ส่วนตัวพูดคุยเพื่อขอความช่วยเหลือแรงงานไทยในอิสราเอลที่ต้องการจะเดินทางกลับไทยด้วย โดยกล่าวว่ามีผู้นำหลายคนใช้ความสัมพันธ์ส่วนตัว และอย่างที่ทราบกันดีต้องอาศัยการทูต ทั้งช่องทางที่เป็นทางการและไม่เป็นทางการ ซึ่งในโอกาสที่จะพบกับผู้นำหลายประเทศในครั้งนี้จะมีการพูดคุยกันในเรื่องนี้ และเชื่อว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ผู้นำประเทศทุกคนให้ความสำคัญและเป็นห่วงเป็นใยจริงๆ อยากให้ทุกอย่างจบลงได้ด้วยดี นอกจากนี้ยังเป็นเรื่องของการค้าและทางการทูตอีกหลายอย่างที่เรามีแผน ตารางแน่นเอี๊ยด
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าการเดินทางไปจีนครั้งนี้จะมีโอกาสพูดคุยถึงการจัดซื้อเรือดำน้ำที่ยังมีปัญหาอยู่หรือไม่ เศรษฐากล่าวว่า มี จะไปคุยเรื่องนี้ด้วย และหวังว่าจะได้คุย ตอนนั้นไปประชุมสมัชชาประชาชาติที่สหรัฐอเมริกาก็นึกว่าจะมีข้อสรุป ก็ไม่อยากที่จะให้คาดหวังเกินไป เพราะเป็นเรื่องละเอียดอ่อน จะต้องบริหารจัดการให้ดี แต่ยืนยันว่าเป็นปัญหาที่จะต้องมีการแก้ไขอย่างชัดเจน อย่างไรก็ตาม ในเรื่องนี้จะพูดคุยเพื่อหาทางออกให้ทุกฝ่ายยอมรับได้ เอาแบบนี้ดีกว่า เพราะเป็นเรื่องละเอียดอ่อน และเป็นปัญหาคาราคาซังมานาน อยากให้หาซื้อมาแล้วต้องใช้ได้ ไม่เป็นเรือดำน้ำจะแลกเปลี่ยนเป็นอย่างอื่นได้หรือไม่ เป็นเรือเหนือน้ำหรือไม่ แต่ต้องตอบโจทย์ทางกองทัพเรือให้ได้ด้วย หากเป็นเรือเหนือน้ำก็ต้องเสริมศักยภาพทางด้านการทะเลของกองทัพเรือด้วยเหมือนกัน ย้ำว่าเป็นเรื่องละเอียดอ่อนที่ต้องพูดคุยกัน หวังว่าจะหาข้อสรุปได้
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ารถไฟความเร็วสูงจะทำต่อกับประเทศจีนหรือไม่ เศรษฐากล่าวว่า ไม่แน่ใจว่าจะมีการประกาศเรื่องรถไฟความเร็วสูงหรือไม่ แต่จะมีการพูดคุยในรายละเอียด เพราะเรื่องโลจิสติกส์เป็นเรื่องสำคัญในการที่จะดึงดูดนักลงทุนต่างประเทศเข้ามา ตนจึงได้เกริ่นในเรื่องแลนด์บริดจ์ เพราะรถไฟความเร็วสูงไม่ใช่ทางออกทั้งหมด แต่เป็นส่วนหนึ่งของทางออก ดังนั้นเราต้องมีทางออกทั้งหมด
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าเครื่องบินของกองทัพอากาศที่จะบินไปช่วยคนไทยที่อิสราเอลเวลานี้มีข้อคิดเห็นในเรื่องของการต้องบินอ้อม ไม่สามารถบินตรงได้ ขณะที่เกาหลีใต้สามารถบินตรงได้ สะท้อนว่าทางการทูตเราด้อยกว่าหรือไม่ เศรษฐากล่าวว่า ไม่น่าใช่ และตรงนี้ยังไม่ได้รับข้อมูลมา เมื่อถามอีกว่าได้รับรายงานความคืบหน้าการประสานความช่วยเหลือคนไทยจากอิสราเอลอย่างไรบ้าง เศรษฐากล่าวว่า ยังเลย เพราะตอนนี้เป็นเวลาประมาณ 06.00-07.00 น. ของที่อิสราเอล คิดว่าบ่ายวันเดียวกันของประเทศไทยคงมีรายงานมา ก่อนขึ้นเครื่อง 01.30 ชั่วโมง ตนจะแถลงอีกรอบ
เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่ไม่สามารถบินผ่านเส้นทางของซาอุดีอาระเบียได้ การเดินทางไปเยือนครั้งนี้จะใช้โอกาสพูดคุยขอความช่วยเหลือในเรื่องนี้หรือไม่ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า เป็นข้อเสนอแนะที่ดี และคิดว่าคงต้องคุย โดยตนจะได้เจอ เจ้าชายโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน มกุฎราชกุมารแห่งราชวงศ์ซะอูดของซาอุดีอาระเบีย คงจะได้เจรจากันหลายเรื่อง
