×

กต. รายงานยอดคนไทยเสียชีวิตที่อิสราเอล 18 คน ปมแรงงานถูกขายต่อทางการมองเป็นเรื่องย้ายงาน ย้ำคนไทยทุกคนสามารถติดต่อขออพยพกลับได้หมด

โดย THE STANDARD TEAM
10.10.2023
  • LOADING...
กาญจนา ภัทรโชค

วันนี้ (10 ตุลาคม) ที่กระทรวงการต่างประเทศ (กต.) กาญจนา ภัทรโชค อธิบดีกรมสารนิเทศ และโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ รายงานถึงสถานการณ์ความรุนแรงในประเทศอิสราเอลว่า สถานการณ์ขณะนี้ยังคงมีความรุนแรง โดยเฉพาะบริเวณฉนวนกาซาที่มีการปะทะกันทั้งสองฝ่าย 

 

ทางฝ่ายอิสราเอลมีความพยายามเข้าไปยึดพื้นที่อย่างต่อเนื่อง โดยมีการตัดน้ำตัดไฟ ซึ่งก่อนหน้าที่จะทำมีการเคลื่อนย้ายประชาชนออกจากพื้นที่ไปสู่พื้นที่ปลอดภัยแล้ว ทั้งนี้ ต้องยอมรับว่าขณะนี้มีการขยายพื้นที่โจมตี โดยขยายพื้นที่จากฉนวนกาซาไปเทลอาวีฟ และนครเยรูซาเล็มด้วย ซึ่งถือว่าเป็นการโจมตีที่มีรัศมีกว้าง และเน้นการทำลายโครงสร้างพื้นฐานของประเทศอิสราเอล

 

ประเทศอิสราเอลเองก็มีการโจมตีเข้าไปในพื้นที่ปาเลสไตน์เช่นกัน ทั้งนี้ ประเทศอิสราเอลมีการประกาศว่าสามารถกระชับพื้นที่ในเขตเมืองต่างๆ ได้สำเร็จ สามารถอพยพคนจากเมืองรอบฉนวนกาซาได้แล้ว 15 เมืองจาก 24 เมือง แต่ยังคงมีผู้ก่อการร้ายหลงเหลือในพื้นที่บ้าง แต่ทางการได้ระดมกองกำลังและกองหนุนมากกว่า 3 แสนคนเข้าไปปฏิบัติการ ถือว่าเป็นการระดมพลครั้งใหญ่ที่สุดของประวัติศาสตร์อิสราเอล

 

กาญจนากล่าวต่อว่า จำนวนผู้เสียชีวิตที่เป็นชาวไทยได้รับรายงานจากนายจ้างอยู่ที่ 18 คน ผู้ได้รับบาดเจ็บยังอยู่ที่ 9 คน และผู้ที่ถูกจับกุมไปมี 11 คน แต่จำนวนนี้ไม่ใช่ยอดยืนยันอย่างเป็นทางการจากประเทศอิสราเอล

 

อย่างไรก็ตาม ทางการอิสราเอลได้ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอพยพพลเรือนออกจากพื้นที่เสี่ยงภัย จากบริเวณไม่เกิน 4 กิโลเมตรรอบฉนวนกาซา ได้จำนวนหลายร้อยคน โดยทางสถานทูตกรุงเทลอาวีฟได้ร่วมกันสนับสนุน นอกจากนี้ยังมีความพยายามใช้เทคโนโลยีการจดจำใบหน้าในการค้นหาผู้ที่สูญหาย ตรวจสอบในพื้นที่ต่างๆ

 

ซึ่งที่รายงานไปตั้งแต่เมื่อวานนี้ (9 ตุลาคม) หลายประเทศพยายามติดต่อพูดคุยกับประเทศปาเลสไตน์เพื่อขอให้ยุติความรุนแรงนี้ ด้าน ปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ก็ได้หารือทางโทรศัพท์กับรัฐมนตรีประเทศอิสราเอล ทางรัฐมนตรีอิสราเอลได้แสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์เช่นนี้ และให้คำมั่นที่จะดูแลคนไทยในอิสราเอลอย่างดีที่สุด และแสดงความมั่นใจว่าจะสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ ซึ่งที่ผ่านมาอิสราเอลได้ยืนยันที่จะดูแลคนทุกๆ ชาติอย่างดี

 

ทางประเทศไทยเองได้ขอให้อิสราเอลช่วยดูแลพี่น้องคนไทยให้ดีที่สุด ขอให้ทางการอิสราเอลตรวจสอบยืนยันผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บอย่างเป็นทางการมาด้วย

 

ส่วนกรณีที่กลุ่มฮามาสมีการประกาศว่าหากประเทศอิสราเอลใช้ความรุนแรงเพิ่มขึ้น จะทำร้ายผู้ที่จับกุมไป ในส่วนนี้มีการคาดการณ์ว่า กลุ่มฮามาสไม่น่าจะทำร้ายในส่วนของคนต่างชาติ และคงไม่อยากจะขยายความขัดแย้งอีกหลายด้าน แต่ต้องรอดูเหตุการณ์ต่อไป

 

ในส่วนของการดำเนินการของภาครัฐ หลังจากนี้สถานทูตเทลอาวีฟจะส่งกลุ่มคนไทยกลุ่มที่ 1 เดินทางวันที่ 11 ตุลาคม ประกอบด้วยผู้ที่ได้รับบาดเจ็บกับผู้ที่อยู่ในสภาพที่รักษาแล้วสามารถเดินทางได้ และผู้ที่เป็นแรงงานที่เคลื่อนย้ายออกมาจากพื้นที่เสี่ยงภัยมาในพื้นที่ปลอดภัย รวมเป็น 15 คน ด้วยเครื่องบินพาณิชย์ สายการบินอิสราเอลแอร์ไลน์ เที่ยวบิน LY 083 รวมกันมาเที่ยวเดียว ในรอบแรกจะถึงประเทศไทยวันที่ 12 ตุลาคม ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ซึ่งจะมีการไปรับและให้กำลังใจพี่น้องคนไทยที่นั่น 

 

และคาดว่าเที่ยวบินต่อไปจะมีขึ้นในวันที่ 18 ตุลาคม จำนวน 80 ที่นั่ง โดยล่าสุดมีคนไทยแสดงความประสงค์จะขึ้นเครื่องบินอพยพจำนวน 3,226 คน

 

ด้าน พรรณนภา จันทรารมย์ เอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟ กล่าวว่า ประเทศอิสราเอลมีการแบ่งพื้นที่ โดยเฉพาะพื้นที่ในแถบใกล้กับฉนวนกาซา แบ่งเป็นโซนสีแดงและสีเหลือง ซึ่งการจะช่วยเหลือพี่น้องชาวไทยและชาติอื่นๆ ในบริเวณดังกล่าวจะสามารถเข้าช่วยได้ทีละโซน หลายครั้งเราจะได้ยินจากพี่น้องชาวไทยบางท่านว่ารอรับความช่วยเหลืออยู่ ทั้งนี้ ทางการเข้าใจและตระหนักดีถึงความเดือดร้อน ซึ่งทางสถานทูตได้ประสานกับอิสราเอลตลอดว่ายังมีคนไทยอยู่ตามพื้นที่ต่างๆ ขอให้ช่วยส่งกองกำลังเข้าไปช่วยเหลือ

ซึ่งการดำเนินการของทางการอิสราเอลจะจัดกองกำลังไปโซนที่อันตรายที่สุดก่อน ไล่ลำดับไป จึงขอให้ทุกฝ่ายเข้าใจถึงข้อจำกัดนี้

 

ส่วนคนไทยที่จะเดินทางกลับภายในวันที่ 11 ตุลาคมนี้ จะมีการวางแผนการเดินทางหลายแบบ ทั้งสถานทูตส่งรถไปรับ ให้นายจ้างไปส่ง เหมารถมาสนามบิน แต่เนื่องจากหลายคนไม่มีเอกสารเดินทางอยู่กับตัว ทางสถานทูตจึงจะต้องไปยืนยันที่หน้าเคาน์เตอร์สายการบินพาณิชย์ ทางสถานทูตยืนยันว่าจะทำทุกวิถีทางให้พี่น้องแรงงานทั้ง 15 คนขึ้นเครื่องให้ได้ ยกเว้นเหตุสุดวิสัยที่สนามบินปิด

 

ทั้งนี้ ในกลุ่ม 80 คนที่จะเดินทางกลับวันที่ 18 ตุลาคม ตอนนี้เจ้าหน้าที่ในสถานทูตกำลังติดต่อกลับกลุ่มนี้ เพื่อยืนยันข้อมูลในการจองตั๋วเครื่องบิน และยืนยันสถานะล่าสุดว่าอยู่ที่ไหน ทั้งนี้ การเดินทางไม่ได้ทำงานได้โดยง่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในแถบพื้นที่ใกล้กับฉนวนกาซา เราไม่ได้รับอนุญาตให้เดินทางเข้าไป แต่เราพยายามจะทำเท่าที่ทำได้

 

ในส่วนที่มีข้อมูลว่ามีจำนวนคนหลายร้อยคนถูกกลุ่มฮามาสจับตัวไป พรรณนภากล่าวว่า ส่วนนี้ต้องเรียนว่ามีคนทุกชาติ ไม่ใช่เฉพาะชาติไทยเท่านั้น

 

ในสถานการณ์นี้เป็นสถานการณ์พิเศษ ทางสถานทูตจะดูแลทุกท่าน จะดูแลแรงงานไทยทุกคนที่เดินทางมาอย่างถูกกฎหมายและผิดกฎหมาย หากท่านประสงค์ว่าจะลงทะเบียนกลับประเทศ ทางสถานทูตไทยก็จะส่งกลับทั้งหมด

 

เมื่อถามถึงกระแสข่าวว่ามีแรงงานไทยถูกขายต่อให้กับนายจ้างอื่นๆ พรรณนภากล่าวว่า ได้ติดต่อกับทางการอิสราเอล ได้รับข้อมูลว่าพี่น้องที่ถูกนำออกมาจากพื้นที่เสี่ยงภัยถูกนำไปฝากไว้ในพื้นที่ปลอดภัย และถือว่าเป็นการย้ายงาน นายจ้างในพื้นที่ปลอดภัยก็จะรับคนงานเหล่านี้ไปทำงาน 

 

เข้าใจว่าหลายคนมองว่าเพิ่งออกจากสงครามทำไมต้องทำงานเลย ทางสถานทูตเองก็แสดงความกังวลว่าขอให้มีช่วงพักก่อน แต่ส่วนนี้ทางการอิสราเอลถือว่าแรงงานได้ย้ายงาน เพื่อให้พี่น้องคนไทยสามารถมีรายได้ในการดำรงชีพในประเทศอิสราเอลต่อ

 

นอกจากนี้ สำหรับแรงงานไทยที่ประสงค์จะเดินทางกลับสามารถติดต่อสถานทูตได้ทาง Google Form และสายด่วน ซึ่งสถานทูตจะมีการขยายสายด่วนเพิ่มเพื่อรองรับผู้ที่โทรศัพท์เข้ามา แต่เนื่องจากมีผู้โทรเข้ามาจำนวนมาก ท่านสามารถที่จะฝากข้อความช่องทางติดต่อไว้ได้ และทางสถานทูตจะประสานกลับภายหลัง

 

อย่างไรก็ตาม ทางสถานทูตต้องขอทำความเข้าใจว่า เราจำเป็นที่จะต้องให้ความช่วยเหลือกับผู้ที่อยู่ในเขตเสี่ยงภัยมากที่สุดก่อน ไล่ลำดับไป เช่นเดียวกันกับการอพยพกลับประเทศที่สถานทูตจะต้องอำนวยความสะดวกให้กับผู้ที่อพยพออกมาจากพื้นที่เสี่ยงภัยมากที่สุดก่อน

  • LOADING...

READ MORE





Latest Stories

Close Advertising
X