ที่แอนฟิลด์ ในเกมยูฟ่ายูโรปาลีกรอบแบ่งกลุ่ม ที่ลิเวอร์พูลเปิดบ้านรับการมาเยือนของอูนิโอน แซงต์-ชิลลัวส์ เมื่อคืนที่ผ่านมา สิ่งที่ดึงดูดสายตาของแฟนบอลคือศึกสายเลือดระหว่าง อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ กับ เควิน แม็ค อัลลิสเตอร์ สายเลือดตำนานลูกหนังอาร์เจนตินาที่อยู่กันคนละทีม
แต่เมื่อถึงคราวลงสนามจริงๆ คนที่ได้รับเสียงปรบมือและชื่นชมมากที่สุดคือ จาเรลล์ ควานซาห์ ปราการหลังดาวรุ่งที่ได้ออกสตาร์ทเป็นตัวจริง และผนึกกำลังกับ อิบราฮิมา โกนาเต จนมีส่วนช่วยให้ลิเวอร์พูลคว้าชัยชนะและรักษาคลีนชีตได้
ฟอร์มการเล่นนั้นยอดเยี่ยมในระดับที่เริ่มมีการเปรียบเปรยว่า “ดูคล้ายกับ เวอร์จิล ฟาน ไดจ์ค เหมือนกันนะเนี่ย”
ไอ้หนูคนนี้เป็นใครมาจากไหน ทำไมถึงเป็น ‘ตัวลับ’ ที่เพิ่งโผล่มาในทีมลิเวอร์พูล และอนาคตของเขาจะไปได้ไกลถึงไหนกัน?
ย้อนหลังกลับไปในช่วงฤดูร้อนที่ผ่านมา จาเรลล์ ควานซาห์ อยู่ในระหว่างการพักร้อน หลังเสร็จสิ้นภารกิจในฤดูกาล 2022/23
ในฤดูกาลดังกล่าวเขาถูกส่งตัวไปให้กับ บริสตอล โรเวอร์ส สโมสรฟุตบอลในระดับลีกวัน ซึ่งมีโจอี บาร์ตัน คุมทีมอยู่ และปรากฏว่าประสบการณ์ในการเล่นในลีกระดับ ‘เทียร์ 3’ ของอังกฤษนั้นเป็นช่วงเวลาที่ดีต่อชีวิตของเขาอย่างมาก
ควานซาห์มีโอกาสในการลงสนามให้กับบริสตอล โรเวอร์ส ทั้งหมด 16 เกมด้วยกัน ซึ่งมันช่วยสอนให้เขาได้รู้ถึงการลงสนามในฐานะเกมอาชีพที่เข้มข้นจริงๆ การต่อสู้ที่หนักหน่วงเหมือนสนามรบ และแน่นอนว่ามันทำให้เขาเริ่มกระหายในการที่จะได้โอกาสในการพิสูจน์ตัวเองอย่างต่อเนื่อง
เก็บเกี่ยวประสบการณ์และเติบโตอย่างรวดเร็วหลังไปเล่นให้บริสตอล โรเวอร์ส
เมื่อฟุตบอลลีกวันจบฤดูกาล เขาได้รับการเรียกตัวติดทีมชาติอังกฤษรุ่นอายุไม่เกิน 20 ปี เพื่อลงสนามในรายการฟุตบอลเยาวชนชิงแชมป์โลกที่ประเทศอาร์เจนตินา โดยเป็นตัวหลักของทีม ‘สิงโตน้อย’
เพียงแต่ในรายการนี้อังกฤษไปไม่ถึงฝัน พวกเขาผ่านรอบแรกไปได้ก็จริง แต่สุดท้ายพ่ายต่อทีม ‘สปาเกตตี’ (เส้นเล็กกว่ามักกะโรนี!) ในรอบ 16 ทีมสุดท้าย แต่อย่างน้อยควานซาห์ก็ได้ลงสนามครบทั้ง 4 นัดในฐานะตัวจริงของทีม และเริ่มมีการพูดถึงความแข็งแกร่งเหนียวแน่นของเขาจากรายการนี้
“เขาเป็นนักเตะที่มีศักยภาพสูงมาก” เอียน ฟอสเตอร์ อดีตผู้จัดการทีมชาติอังกฤษชุดนั้นเคยพูดถึงเขาไว้
แต่เมื่อเสร็จสิ้นหน้าที่ ควานซาห์ซึ่งเดินทางไปพักผ่อนแล้วและเตรียมตัวคิดถึงอนาคตว่าจะก้าวเดินอย่างไรต่อไปในฤดูกาลหน้า ก็ได้รับการติดต่อให้มารายงานตัวฝึกซ้อมร่วมกับทีมลิเวอร์พูลชุดใหญ่
เหตุผลนั้นเป็นเพราะ รีห์ส วิลเลียมส์ และ เซปป์ ฟาน เดน เบิร์ก สองปราการหลังดาวรุ่งที่เป็นกำลังเสริมของทีมถูกปล่อยยืมตัวไปหมดแล้ว เจอร์เกน คล็อปป์ ต้องการกำลังเสริมจากทีมเยาวชนขึ้นมาเก็บตัวในช่วงพรีซีซัน และเขามีโอกาสจะได้ลงสนามเก็บประสบการณ์ในเกมอุ่นเครื่อง หากทำได้ดีพอในการซ้อม
หรือหากเขาทำได้ดีกว่านั้น และมีความจำเป็นที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ คล็อปป์มีความคิดที่จะเก็บตัวเขาไว้ใช้งานต่อในฤดูกาลนี้ด้วย
ควานซาห์รู้ว่านี่เป็นโอกาสที่ไม่สามารถปล่อยไปได้ เขากลับมาจากการพักร้อนเพื่อรายงานตัวกับทีมทันที
ผ่านการฝึกซ้อมกับทีมชุดใหญ่ ต้องเจอระดับโลกอย่าง โมฮัมเหม็ด ซาลาห์ เป็นประจำ
‘Local Lad’ สายเลือดแท้ของสโมสร
ในขณะที่ลิเวอร์พูลเป็นสโมสรที่มีนโยบายในการปั้นนักฟุตบอลดาวรุ่งขึ้นมาประดับทีม แต่ในระยะหลังนโยบายปรับมาใช้วิธี ‘Shortcut’ ด้วยการดึงนักเตะดาวรุ่งระดับ ‘เกรดเอ’ จากสโมสรเล็กๆ มาแทนเพื่อร่นระยะเวลา เช่น รายของ เบน โด๊ก ที่มาจากกลาสโกว์ เซลติก หรือ ฮาร์วีย์ เอลเลียตต์ และ ฟาบิโอ คาร์วัลโญ ที่มาจากฟูแลม
แต่สำหรับควานซาห์ เขาเป็นสายเลือดของลิเวอร์พูลเต็มๆ
ไอ้หนูรายนี้เกิดที่วอร์ริงตัน เมืองที่อยู่ตรงกลางระหว่างลิเวอร์พูลกับแมนเชสเตอร์ เรียกว่าเป็น ‘เด็กท้องถิ่น’ หรือ ‘Local Lad’ ได้เต็มปาก โดยได้เข้าร่วมอะคาเดมีของลิเวอร์พูลตั้งแต่อายุ 5 ขวบ และเติบโตมาในระบบของสโมสรโดยตลอด
ควานซาห์เป็นตัวหลักของทีมอะคาเดมีทุกชุด โดยเฉพาะเมื่อเริ่มโตขึ้นมาถึงระดับรุ่นอายุไม่เกิน 18 ปี และไม่เกิน 21 ปี ที่เขาเป็นเสาหลักลงสนามต่อเนื่อง
เพียงแต่ในช่วงก่อนหน้านี้ บิลลี คูเมติโอ คู่หูในแนวรับเป็นคนที่โดดเด่นเข้าตามากกว่า จนทำให้กองหลังชาวฝรั่งเศสได้โอกาสในการลงสนามกับทีมชุดใหญ่ตั้งแต่เดือนธันวาคม 2020 เลยทีเดียว แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าควานซาห์จะไม่มีเส้นทางของตัวเอง
กองหลังที่นิยามตัวเองว่า “ปกติผมก็เป็นคนนิ่งๆ อยู่แล้ว” พยายามทำให้ดีที่สุดในทีมระดับเยาวชนของลิเวอร์พูล ก่อนที่โอกาสในการเก็บเกี่ยวประสบการณ์จะมาถึงในช่วงกลางฤดูกาลที่แล้ว เมื่อบริสตอล โรเวอร์ส ขอยืมตัวเขาไปใช้งานจนจบฤดูกาล
เด็กหนุ่มที่ไม่มีประสบการณ์มาก่อนกลับทำผลงานได้ดีเกินคาด เขาลงสนามให้บริสตอล โรเวอร์ต่อเนื่อง และแสดงให้เห็นถึงพัฒนาการอย่างรวดเร็ว
“เขาเก่งในเรื่องการปั้นเกมจากแดนหลัง” โจอี บาร์ตัน อดีตมิดฟิลด์สุดห้าวระดับตำนานพรีเมียร์ลีกกล่าว “เขายิ่งโตขึ้นและแกร่งขึ้นเรื่อยๆ รวมถึงเร็วขึ้นด้วย การมีส่วนร่วมกับเกมของเขาดีขึ้นตามลำดับเมื่อได้โอกาสในการลงเล่นในทีมชุดใหญ่”
ขณะที่ควานซาห์เองก็ดีใจที่ได้โอกาสในการไปเก็บประสบการณ์ครั้งนี้ “มันเป็นประสบการณ์ล้ำค่าที่ผมต้องการอย่างมาก ผมได้เรียนรู้อะไรมากมาย และสิ่งที่ผมบอกได้จากผลงานในการเล่นของผมคือ ผมยังมีสิ่งที่ต้องเรียนรู้อีกมาก”
ทายาทสายตรง ‘บิ๊กเวิร์จ’?
ควานซาห์สร้างความประทับใจและประหลาดใจให้แก่แฟนลิเวอร์พูลทั่วโลกในช่วงพรีซีซันที่ผ่านมา โดยลิเวอร์พูลยกพลไปเก็บตัวเข้าแคมป์ที่เยอรมนี ก่อนจะเดินทางมาทัวร์เอเชียเป็นเวลา 1 สัปดาห์ที่สิงคโปร์ ซึ่งระหว่างนั้นเองที่เขาได้โอกาสในการลงสนามด้วย
โดยปกติแล้วกองหลังดาวรุ่งของทีมใหญ่ระดับนี้มักจะมีอาการตื่นสนามหรือแสดงความผิดพลาดให้เห็นเป็นเรื่องปกติเมื่อต้องลงเล่นในเกมพรีซีซัน แต่สำหรับกองหลังวัย 20 ปีรายนี้ ไม่มีใครได้เห็นอาการตื่นตระหนกในการเล่นจากเขาเลย
ควานซาห์เยือกเย็นอย่างมาก เรียกว่าใจนิ่งดุจน้ำแข็ง นอกจากนี้แม้รูปร่างจะไม่ถึงกับสูงใหญ่และเร็วจัดเหมือนโกนาเต หรือแข็งแกร่งดุจเสาหลักหินอย่างฟาน ไดจ์ค แต่เขาแสดงให้เห็นถึงคุณสมบัติที่ดีแทบทุกอย่างที่จำเป็นสำหรับการเป็นกองหลัง
ความแข็งแกร่ง
ความเร็ว (ถือว่าพอมี)
การอ่านทางบอล
การกะจังหวะเพื่อเข้าสกัด
และเติมด้วยความสามารถพิเศษคือการเปิดบอลที่แม่นยำ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเลียดขึ้นหน้า หรือการวางบอลแบบทแยงมุม ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำให้เขาชนะใจคล็อปป์ได้ เพราะเป็นสิ่งที่กองหลังดาวรุ่งคนอื่นที่เคยได้โอกาสก่อนหน้าไม่มี
ดูๆ ไปก็ชวนให้คิดจริงๆ ว่าเขาแอบคล้ายกับฟาน ไดจ์ค ในเวอร์ชันที่หนุ่มกว่าแต่อ่อนพรรษากว่า
ควานซาห์เองก็ยอมรับว่าเขาเองก็มี ‘บิ๊กเวิร์จ’ กัปตันทีมลิเวอร์พูลคนปัจจุบันเป็นครู โดยพยายามศึกษามาตลอด รวมถึงเก็บเกี่ยวจากประสบการณ์ในการได้ฝึกซ้อมร่วมกับทีมชุดใหญ่ตั้งแต่ในฤดูกาลก่อนหน้า
“ฟาน ไดจ์คเป็นกองหลังที่สมบูรณ์แบบที่สุดเท่าที่เคยมีมา การได้เล่นกับคนอย่างเขาถือเป็นประสบการณ์ที่ไม่ใช่ทุกคนจะได้สัมผัส เมื่อมีโอกาสแล้วก็ต้องพยายามทำตัวเป็นฟองน้ำเพื่อดูดซับทุกอย่าง เขาเป็นผู้นำทัพตลอดทั้งเกม เขาทำให้เกมมันดูง่ายไปหมด”
กัปตันทีมลิเวอร์พูลรุ่นเยาวชนในฤดูกาลที่แล้ว
อนาคตเสาหลักแอนฟิลด์
จากเกมพรีซีซัน ควานซาห์ได้โอกาสในการลงเล่นเกมระดับพรีเมียร์ลีกจริงๆ และถือเป็นเกมที่โหดมากด้วยในนัดที่ลิเวอร์พูลไปเยือนนิวคาสเซิล โดยที่เหลือผู้เล่นแค่ 10 ตัว เพราะฟาน ไดจ์ค โดนใบแดงไล่ออกตั้งแต่ช่วงครึ่งแรก
วันนั้นเขาถูกเปลี่ยนตัวลงมาในนาทีที่ 77 เพื่อแทน โจเอล มาทิป ที่พยายามสู้จนหมดแรง ซึ่งสถานการณ์นั้นเปราะบางอย่างมาก เพราะลิเวอร์พูลนอกจากเป็นรองเรื่องจำนวนผู้เล่น ยังเป็นรองเรื่องสกอร์ที่ตามอยู่ 1-0 และรูปเกมก็ทำได้แค่ประคองตัวเอง
มีความเป็นไปได้สูงที่ลิเวอร์พูลจะต้านไม่ไหวและเสียประตูเพิ่มอีก ซึ่งอาจหมายถึงการประเดิมเกมพรีเมียร์ลีกที่เหมือนฝันร้ายของไอ้หนูดาวรุ่งอย่างเขาได้
แต่ปรากฏว่าควานซาห์กลับทำหน้าที่ได้อย่างยอดเยี่ยม นอกจากที่ลิเวอร์พูลจะไม่เสียประตูเพิ่ม พวกเขายังพลิกสถานการณ์กลับมาแซงเอาชนะได้ด้วย จาก 2 ประตูของ ดาร์วิน นูนเญซ ในช่วงท้ายเกม
การผ่านบททดสอบที่ยากและยิ่งใหญ่ในเกมนั้นเป็นจุดพลิกผันในชีวิตของควานซาห์ทันที เพราะมันทำให้คล็อปป์เชื่อว่าเด็กคนนี้ดีพอที่จะอยู่ในทีมในฐานะกำลังเสริมต่อจากฟาน ไดจ์ค, โกนาเต, มาทิป และ โจ โกเมซ
การเดิมพันที่ไม่ยอมเข้าตลาดนักเตะเพื่อหาซื้อกองหลังเพิ่มจนโดนแฟนบอลตำหนิ กลายเป็นการเดิมพันที่คุ้มค่า เพราะหมายถึงโอกาสของควานซาห์ที่จะได้ลงเล่นให้ทีมในเกมที่คล็อปป์ต้องการพักตัวหลักของทีม เช่น ในรายการยูโรปาลีก หรือลีกคัพ
“เจ้านายบอกว่าผมพร้อมแล้ว และผมก็รู้สึกว่าผมพร้อมแล้ว พร้อมที่จะลงไปในสถานการณ์แบบนั้น” ควานซาห์กล่าวหลังจบเกมกับนิวคาสเซิล “ปกติผมเป็นคนนิ่งๆ อยู่แล้ว แต่มันง่ายขึ้นเมื่อมีบางอย่างเกิดขึ้นในตัว มีสารอะดรีนาลีนหลั่งไปทั่วร่างกาย”
จนถึงตอนนี้ควานซาห์ลงสนามในทีมชุดใหญ่ของลิเวอร์พูลไปแล้ว 5 นัด โดยเป็นการลงในเกมพรีเมียร์ลีก 3 นัด เป็นตัวจริงในเกมที่พบกับวูล์ฟส รวมถึงลงตัวจริงในเกมลีกคัพ ที่เอาชนะเลสเตอร์ ซิตี้ เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว และเกมยูโรปาลีกที่ชนะอูนิโอน แซงต์-ชิลลัวส์ เมื่อคืนที่ผ่านมา
จำนวนเกมแค่นี้ การจะบอกว่าเขาจะเป็น ‘เสาหลัก’ หรือ ‘ทายาทฟาน ไดจ์ค’ เป็นเรื่องที่ว่ากันตรงๆ คือยังห่างไกลจากความจริงอยู่มาก
ควานซาห์ต้องพิสูจน์ตัวเองอีกเยอะ โดยเฉพาะเรื่องของมาตรฐานการเล่น ความสม่ำเสมอ และการพัฒนาตัวเองให้เก่งยิ่งขึ้นไปกว่านี้อีก ไม่นับบททดสอบในเวลาที่เจออุปสรรค เช่น ฟอร์มตกหรืออาการบาดเจ็บ ที่ทำเอานักเตะดาวโรจน์หลายคน (ของลิเวอร์พูลก็เยอะมาก) ที่หาทางกลับมาไม่ได้
เพียงแต่จากสิ่งที่เห็น เขามีหลายสิ่งหลายอย่างที่ดีอยู่กับตัว และที่สำคัญคือความกล้าหาญและมั่นใจที่จะเล่นในแบบของตัวเอง
เด็กคนนี้มีแวว
มาสเตอร์ฟาน ไดจ์ค ไม่จำเป็นต้องกล่าวหรือตรวจค่าพลัง เพราะเป็นสิ่งที่เห็นกันชัดเจนอยู่แล้ว
อ้างอิง:
- https://theathletic.com/4811776/2023/08/29/jarell-quansah-liverpool-prospect/
- https://www.mirror.co.uk/sport/football/news/jarell-quansah-liverpool-defender-klopp-30955208#google_vignette
- https://www.bristolworld.com/sport/football/bristol-rovers/virgil-van-dijks-help-and-the-jarell-quansah-story-after-liverpool-to-bristol-rovers-loan-move-4030603
- https://www.forbes.com/sites/jamesnalton/2023/09/19/liverpool-jarell-quansah-shows-the-transfer-market-is-only-one-part-of-building-a-team/?sh=512dda343ff2