วันนี้ (28 กันยายน) ที่ห้องพิจารณา 303 ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ถนนเลียบทางรถไฟตลิ่งชัน ศาลนัดฟังคำพิพากษาคดีหมายเลขดำ อท.166/2565 ที่อัยการโจทก์ยื่นฟ้อง ชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร ผู้อำนวยการสำนักอุทยานแห่งชาติ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช และพวกรวม 4 คน ฐานปฏิบัติหน้าที่มิชอบ กรณีการหายตัวไปของ พอละจี รักจงเจริญ หรือ บิลลี่
หลังศาลมีคำพิพากษา จำเลยที่ 1 ได้ยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราว ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางให้ประกันตัวชัยวัฒน์ชั้นอุทธรณ์คดี โดยตีราคาประกัน 800,000 บาท พร้อมกำหนดเงื่อนไขห้ามเดินทางออกนอกราชอาณาจักร
ชัยวัฒน์กล่าวว่า วันนี้ขอขอบคุณที่ศาลเมตตาและขอบคุณทีมทนายความ ตนได้ประกันตัวด้วยหลักทรัพย์ 800,000 บาท เงื่อนไขเดิมคือห้ามออกนอกประเทศ วันนี้ศาลไต่สวนและพิจารณาสำนวนทั้งหมดด้วยพยานหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ ข้อเท็จจริงทั้งหมดที่มีกล่าวหาว่าตนกับพวกไปเกี่ยวข้องกับบิลลี่
โดยที่ผ่านมาพวกตนก็ยืนยันมาตลอดว่าไม่เกี่ยวข้องกับการหายตัวไปของบิลลี่ แต่ตนถูกลงโทษในเรื่องการปล่อยตัวบิลลี่กลางทาง จำคุก 3 ปีไม่รอลงอาญา แต่ก็ต้องขอบคุณทางศาลที่ให้ตนได้ประกันตัวออกมา และตนเตรียมจะยื่นอุทธรณ์อยู่แล้วในส่วนของมาตรา 157 ในการที่ละเว้นไม่นำตัวผู้ต้องหาไปส่งพนักงานสอบสวน
โดยพฤติกรรมของเจ้าหน้าที่กรมอุทยานทั่วไปนั้นมีความสุ่มเสี่ยงที่จะผิดตามมาตรา 157 กันทุกคน เพราะว่าเราอยู่ในชุมชนนั้น แล้วเราพยายามจะอยู่กับชุมชนให้ได้โดยไม่ทะเลาะกัน โดยเฉพาะตน ไม่เคยจับชาวบ้านจากหมู่บ้านบางกลอย จังหวัดเพชรบุรีเลย อย่างเหตุในคดีนี้เป็นเรื่องของน้ำผึ้งป่าที่ตามกฎหมายเดิมจะไม่สามารถให้ชาวบ้านหรือชุมชนนำของป่าออกไปขายได้
ชัยวัฒน์กล่าวต่อว่า ปัจจุบันนี้มีการออกกฎหมายใหม่ ให้สิทธิทำกินแก่ราษฎร เก็บของป่าอยู่ภายใต้กฎหมาย ตนก็จะพยายามสู้ในประเด็นนี้ แต่ก็เข้าใจที่ศาลตัดสินเช่นนี้ ข้อกฎหมายกับหลักปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ที่อยู่ในพื้นที่นั้นทำให้ค่อนข้างสุ่มเสี่ยง
ดังนั้น วันนี้จึงเป็นกรณีตัวอย่างให้กับน้องๆ เจ้าหน้าที่อุทยานทุกคนว่า อย่าท้อในสิ่งที่เราปฏิบัติอยู่ น้องๆ ผู้พิทักษ์ป่าทุกคน เราปกป้องป่า เราดูแลสัตว์ป่า ดูแลน้ำ เพื่อคนทั้งประเทศ เราก็จึงมีความหวังว่าในชั้นอุทธรณ์ศาลจะเมตตา ขอให้เรามีที่ยืนในสังคมบ้างขณะที่เราทำงาน
ชัยวัฒน์ยืนยันว่า ตนไม่มีเจตนาที่จะไปทำร้ายใครทั้งนั้น และตนก็ไม่เคยจับกุมกลุ่มชาติพันธุ์แม้แต่คนเดียว กระทั่งคนที่ไปทำร้ายป่าที่ตนดูแลจนสภาพยับเยินก็ตาม ตนยังมีโอกาสต่อสู้ในชั้นอุทธรณ์ต่อไป