OECD คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจโลกจะยังคงชะลอตัวต่อเนื่องจากอัตราดอกเบี้ยทั่วโลกที่ยังคงอยู่ในระดับสูงและการฟื้นตัวที่น่าผิดหวังของจีน โดยการเติบโตจะลดลงเหลือ 2.7% ตำ่กว่าเกณฑ์มาตรฐานของ OECD ที่ 3% หากไม่นับปี 2020 ที่อยู่ในช่วงวิกฤตโรคระบาด นี่จะเป็นการเติบโตที่ต่ำที่สุดนับตั้งแต่วิกฤตการเงิน ปี 2008
แคลร์ ลอมบาร์เดลลี หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของ OECD กล่าวในแถลงการณ์ว่า “แม้อัตราเงินเฟ้อจะเริ่มชะลอตัวลง แต่เศรษฐกิจโลกยังคงอยู่ในจุดที่ยากลำบาก เรากำลังเผชิญกับความท้าทาย 2 อย่าง คืออัตราเงินเฟ้อและการเติบโตในเศรษฐกิจทั่วโลก”
OECD ยังเตือนว่าความเสี่ยงดังกล่าวยังแนวโน้มรุนแรงขึ้น เนื่องจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในอดีตอาจส่งผลกระทบรุนแรงกว่าที่คาดไว้ และอัตราเงินเฟ้ออาจยังคงอยู่ต่อไป ซึ่งจำเป็นต้องมีนโยบายทางการเงินที่เข้มงวดเพิ่มเติม และจากการต่อสู้ดิ้นรนของจีนซึ่งถือว่าเป็น ‘ความเสี่ยงหลัก’ สำหรับภาคการผลิตทั่วโลก
เศรษฐกิจโลกปี 2023 เริ่มต้นอย่างแข็งแกร่งเกินคาด โดยได้รับแรงหนุนจากราคาพลังงานที่ลดลงและการเปิดประเทศจีนอีกครั้ง โดยคาดว่าการเติบโตทั่วโลกในปีนี้จะอยู่ในระดับปานกลาง แต่ผลกระทบของนโยบายการเงินที่เข้มงวดกำลังปรากฏให้เห็นมากขึ้น อีกทั้งความเชื่อมั่นของธุรกิจและผู้บริโภคต่างลดลง และการฟื้นตัวในจีนกลับน่าผิดหวัง ได้ทำให้การคาดการณ์อาจย่ำแย่กว่าที่คิด
แนวโน้มที่ย่ำแย่ในปัจจุบันจะเป็นบททดสอบสำหรับธนาคารกลาง เนื่องจากผลกระทบของการต่อสู้เงินเฟ้อจนถึงตอนนี้เริ่มส่งสัญญาณไปยังเศรษฐกิจ ธนาคารกลางยุโรปขึ้นอัตราดอกเบี้ยติดต่อกันเป็นครั้งที่ 10 เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว แม้ว่าจะส่งสัญญาณว่าอาจถึงจุดสูงสุดของการขึ้นดอกเบี้ยแล้วก็ตาม ขณะที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) อาจระงับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในวันพุธนี้ (20 กันยายน)
ซึ่ง OECD เตือนไม่ให้ธนาคารกลางผ่อนคลาย หลังจากที่ระดับราคาสินค้าในหลายประเทศยังคงเพิ่มขึ้น แม้ว่ามาตรวัดที่เกี่ยวข้องจะเริ่มปรับตัวลงก็ตาม นอกจากนี้นโยบายการเงินยังคงต้องเข้มงวดจนกว่าจะมีสัญญาณที่ชัดเจนว่าแรงกดดันจากเงินเฟ้อได้หายไปอย่างถาวร
เมื่อเจาะลึกแนวโน้มในระดับภูมิภาคและประเทศ OECD ได้ปรับลดการคาดการณ์การเติบโตสำหรับประเทศสมาชิกยูโรในปีนี้และปีหน้า เช่น เยอรมนีจะหดตัว 0.2% ในปีนี้ ทำให้เยอรมนีเป็นประเทศ G20 เพียงประเทศเดียวยกเว้นอาร์เจนตินาที่ประสบปัญหาเศรษฐกิจตกต่ำ ขณะที่สหรัฐฯ แม้ว่าการเติบโตจะแข็งแกร่งกว่าที่คาดการณ์ไว้ในเดือนมิถุนายน แต่แนวโน้มจะเริ่มชะลอตัวลงเหลือ 1.3% ในปี 2024 จาก 2.2% ในปี 2023 และจีนกลายเป็นประเทศที่ถูกปรับลดการเติบโตอย่างรุนแรง โดยคาดว่าการเติบโตจะน้อยกว่า 5% ในปีหน้า
อ้างอิง: