ปิดปากคุณได้ก็จะปิดปาก เดี๋ยวคุณรับฝากความรักจากใคร
เปิดฉากมาด้วยท่อนหนึ่งของเนื้อเพลงฮิตในอดีตของ ก๊อท จักรพันธ์ แบบนี้ บอกเลยว่าไม่ได้เกี่ยวอะไรสักเท่าไรกับเนื้อหาของเรื่อง (อ้าว)
แต่จะว่าเกี่ยวนิดๆ ก็ได้ เพราะวันนี้เราจะมาไขความลับในการยิงประตูกระฉูดของเออร์ลิง เบราต์ ฮาลันด์ จอมมารบูแห่งโลกลูกหนังที่ได้เปิดเผยกิจวัตรประจำวันให้โลกได้รู้ว่า ในแต่ละวันที่ผ่านไปกองหน้าชาวนอร์เวย์คนนี้ดูแลตัวเองอย่างไรบ้าง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- เออร์ลิง เบราต์ ฮาลันด์ คว้ารางวัลนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีของ PFA ด้าน บูกาโย ซากา คว้ารางวัลดาวรุ่งแห่งปี
- ‘Blue Moon’ เพลงประจำทีมแมนฯ ซิตี้ ที่ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับพระจันทร์สีฟ้า
- หน้ากากตัวตลกที่มีคราบน้ำตา จาก ปายาชชี ถึง แฮร์รี แม็กไกวร์
หนึ่งในสิ่งที่ศูนย์หน้ามหาประลัยวัย 23 ปีเล่าแล้วทำเอาคนฟังอ้าปากค้าง ก่อนจะเผลอเอามือปิดปาก คือเรื่องที่เขาใช้เทปกาวปิดปากตัวเองก่อนนอน
บอกก่อนว่ามันไม่ใช่รสนิยมแปลกๆ ในทางตรงกันข้ามมันคือหลักวิทยาศาสตร์ที่ซ่อนอยู่
ถ้าพร้อมแล้วก็ขอเชิญทุกคนมาเข้าคลาสไปกับอาจารย์แป๋งป๋องไปด้วยกัน!
พูดถึงเออร์ลิง ฮาลันด์ แล้ว เป็นที่ยอมรับกันมานานแล้วว่าลูกชายของ อัลฟ์ อิงเก ฮาลันด์ อดีตนักเตะทีมชาตินอร์เวย์ที่ผ่านการค้าแข้งกับทีมดังอย่างลีดส์ ยูไนเต็ด และแมนเชสเตอร์ ซิตี้ เป็นนักฟุตบอลที่เหมือนธรรมชาติประทานมาให้
ด้วยรูปร่างที่สูงใหญ่ มีความกำยำ แต่ก็มีความปราดเปรียวในเวลาเดียวกัน สามารถวิ่งได้อย่างรวดเร็วปานเสือชีตาห์
คุณสมบัติทางร่างกายเหล่านี้เมื่อรวมเข้ากับทักษะการเล่นที่ได้รับการขัดเกลามาเป็นอย่างดี โดยเฉพาะในเรื่องการหาพื้นที่ทำประตู ที่ทำให้เขามักจะอยู่ถูกที่ถูกเวลาเสมอ และการจบสกอร์ที่ได้รับการฝึกฝนมาเป็นอย่างดี จนจังหวะยิงประตูนั้นคมประหนึ่งซามูไรชักดาบออกจากฝักแล้วต้องได้เลือด ทั้งหมดรวมกันคือที่มาของจำนวนประตูมากมายตลอดชีวิตการเล่นของเขา
โดยเฉพาะในฤดูกาลที่แล้ว ซึ่งเป็นฤดูกาลแรกที่ฮาลันด์ได้ย้ายมาเล่นภายใต้สุดยอดโค้ชของโลกอย่าง เป๊ป กวาร์ดิโอลา เขาทำไปคนเดียวถึง 52 ประตู ทุบสถิติมากมายในพรีเมียร์ลีก และที่สำคัญที่สุดคือการเป็นกำลังสำคัญที่ช่วยให้แมนเชสเตอร์ ซิตี้ สร้างประวัติศาสตร์คว้า ‘เทรเบิลแชมป์’ ได้เป็นทีมที่ 2 ของอังกฤษ
อย่างไรก็ดี ไม่ว่าโค้ชจะเก่งแค่ไหน สิ่งที่จะสร้างความแตกต่างระหว่างนักฟุตบอลด้วยกันได้คือเรื่องของวินัย
ทำอย่างไรก็ได้ที่ต้องดูแลตัวเองให้ดีที่สุด เพื่อให้พร้อมสำหรับการลงสนาม ซึ่งไม่ได้ถึงแค่สนามแข่ง เพราะสมรภูมิที่แท้จริงคือสนามซ้อมที่จะต้องเอาชนะคู่แข่งที่เป็นเพื่อนร่วมทีมและเอาชนะใจโค้ชให้ได้
เรื่องนี้เองที่ฮาลันด์ไม่เคยปล่อยปละละเลย ซึ่งภายใต้รูปร่างที่ดูสมบูรณ์แบบนั้นมันเกิดจากการทำงานหนักของเขาในทุกวัน
เจ้าตัวมาเปิดเผยความลับนี้ในรายการพอดแคสต์ Impaulsive ซึ่งจัดโดย โลแกน พอล นักมวยคนดัง เพื่อเล่าให้ฟังถึงสิ่งที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จ
ฮาลันด์บอกว่าเขาใส่ใจในทุกรายละเอียดจริงๆ ไม่ว่าจะเป็นการฝึกซ้อม การเรียนรู้เรื่องของร่างกาย ไปจนถึงการเคลื่อนไหวในรูปแบบต่างๆ
ทั้งหมดนั้นก็เพื่อใช้งานร่างกายได้อย่างดีและเต็มประสิทธิภาพมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
แต่สิ่งที่เขาคิดว่ามีความสำคัญมากที่สุดนั่นคือเรื่องของการ ‘นอน’ และการนอนของเขาก็ไม่ธรรมดา
“ผมคิดว่าการนอนคือเรื่องสำคัญที่สุดในโลก เพื่อการนอนที่ดีมันประกอบไปด้วยอะไรหลายอย่าง เช่น ใส่แว่นตัดแสงสีฟ้า ตัดสัญญาณทุกอย่างในห้องนอน ผมคิดว่าเรื่องเล็กๆ น้อยๆ พวกนี้แหละที่สำคัญ การทำอะไรหลายอย่างเกินไปมันไม่ดี แต่การทำอะไรเล็กๆ น้อยๆ ในทุกวันเป็นระยะเวลานาน มันจะให้ผลตอบแทนที่ดีในสักวัน” ฮาลันด์บอกกับโลแกน
ก่อนที่นักมวยคนดังจะแชร์ประสบการณ์ส่วนตัวว่าเขาเองก็ใช้เทปแปะบนจมูกเวลานอนเพื่อเปิดทางเดินหายใจให้สะดวก
ตรงนี้เองที่เป็นไฮไลต์ เพราะฮาลันด์บอกว่า “ทำไมนายไม่ลองใช้เทปปิดปากตัวเองในตอนนอนดู หรือปิดปากตัวเองตอนซ้อม มันอาจจะยากหน่อย แต่ผมก็ทำแบบนี้แหละ ผมหลับโดยมีเทปปิดปาก”
เทปปิดปาก! ในความคิดแวบแรกการใช้เทปปิดปากมันน่าจะทำให้เราหายใจได้สะดวกน้อยลงหรือเปล่า? เพราะในเวลาที่เราหลับร่างกายจะต้องการออกซิเจนมากกว่าปกติ และทำให้เวลาที่เราหลับสนิทไปแล้วปากจึงอ้าขึ้นเพื่อรับอากาศเพิ่มอีกทาง
เรื่องนี้ฮาลันด์ไม่ได้มีโอกาสอธิบายอะไรเพิ่มเติมในรายการ แต่ไม่เป็นไร เพราะมีคนมาอธิบายให้แล้ว
หลักการของการใช้เทปปิดปากระหว่างนอนหลับคือการทำให้เราหายใจผ่านจมูกได้อย่างเดียว! (ก็แน่สิ มันหายใจผ่านหูไม่ได้นี่!)
ก่อนที่จะโวยวายกัน เจฟฟ์ คาห์น ผู้เชี่ยวชาญด้านวิทยาศาสตร์การนอนหลับ อธิบายให้แบบนี้ว่า “ในเวลาที่เรานอนหลับแล้วหายใจผ่านช่องปาก มันเป็นไปได้ที่จะทำให้ภายในช่องปากและคอของเราแห้ง ซึ่งจะนำไปสู่การนอนกรน ปากแห้ง และปัญหาอีกมากมาย”
แล้วการหายใจผ่านจมูก (Nasal Breathing) จะช่วยอย่างไร? “เป็นที่พูดกันว่ามันจะช่วยเพิ่มความอิ่มตัวของออกซิเจน และช่วยให้เราหลับได้อย่างมีคุณภาพมากขึ้น”
อย่างไรก็ดี ผู้เชี่ยวชาญอย่างคาห์นก็ยังเปิดช่องเรื่องการปิดปากในระหว่างการนอน เพราะความเชื่อว่าการหายใจด้วยจมูกจะช่วยให้การนอนรวมถึงสุขภาพโดยรวมดีขึ้น แต่ยังขาดการศึกษาค้นคว้าอีกมากว่ามันจะช่วยได้จริง
แต่สำหรับ แพทริก แมคคีโอว์น เทรนเนอร์ด้านการหายใจ (Breath Training Coach) เขาค้นคว้าเรื่องนี้มากว่า 25 ปี และมันมีเหตุมีผลอยู่
“เราใช้เทปปิดปากนอนมากว่า 25 ปีแล้ว” แมคคีโอว์นบอก เพียงแต่เทปที่ใช้ปิดปากไม่ใช่การเอาเทปกาวมาปิดริมฝีปากทั้งหมดเหมือนเวลาโจรจะลักพาตัวหรือปล้นธนาคารแบบในหนัง แต่ควรจะเป็นแบบปิดเพื่อทำให้ริมฝีปากชิดกัน
“ในระหว่างการนอนหลับ เวลาที่คุณหายใจโดยใช้จมูกจะทำให้กะบังลมของคุณอยู่ในรูปที่ดีกว่า กล้ามเนื้อในการหายใจของกะบังลมจะช่วยให้เกิดความคงที่ของแกนกลางของร่างกายด้วย”
ผลที่ได้คือช่วยลดความเสี่ยงของอาการปวดหลังด้านล่างได้ เพราะ 50% ของคนที่มีอาการปวดหลังด้านล่างมาจากการที่มีรูปแบบการหายใจที่ผิด
นอกจากนี้การหายใจด้วยจมูกหมายถึงการที่เราจะหายใจได้ช้าลง ทำให้ร่างกายผ่อนคลายได้มากขึ้น ซึ่งเรื่องนี้เขาศึกษาและพบว่าสามารถช่วยผู้ป่วยที่มีอาการแพนิกหรือวิตกกังวลได้ และความจริงแมคคีโอว์นก็เป็นผู้ป่วยโรคหอบหืดที่เคยมีปัญหาหยุดหายใจในระหว่างการนอนเหมือนกัน
การนอนโดยไม่ได้หายใจทางจมูกยังส่งผลเสียที่เราอาจคิดไม่ถึงอีก เช่น ร่างกายจะไม่สามารถควบคุมและใช้งานก๊าซไนตริกออกไซด์ ซึ่งสำคัญต่อการป้องกันเชื้อโรคที่มากับอากาศ และยังช่วยเปิดทางเดินหายใจ รวมถึงช่วยระบบการไหลเวียนโลหิตไปที่ปอดด้วย
การนอนอ้าปากหมายถึงการที่เราจะใช้เวลามากขึ้นในการนอนหลับช่วงหนึ่ง ซึ่งเป็นการนอนหลับแบบเบา (Light Sleep) และจะส่งผลให้การนอนหลับในระดับที่ 3 (Slow-wave Sleep) ไม่เพียงพอ ซึ่งช่วงการนอนนี้จะเป็นช่วงที่ร่างกายจะได้ฟื้นฟู สมองได้จัดการตัวเอง
มันยังส่งผลต่อการพัฒนาของสมองในวัยเด็ก ไปจนถึงการเปลี่ยนแปลงรูปร่างของใบหน้าด้วย หากนอนอ้าปาก กรามก็จะอยู่ในตำแหน่งที่ต่ำลง ซึ่งเมื่อกรามอยู่ต่ำลงทางเดินหายใจก็จะเล็กลงไปอีก เรียกได้ว่าส่งผลมากมายเลยทีเดียว
แล้วสำคัญอย่างไรสำหรับนักกีฬา? การนอนโดยปิดปากเพื่อใช้จมูกหายใจอย่างเดียวนั้นมีผลต่อร่างกายของนักกีฬา
หัวใจของมันไม่ได้อยู่ที่การจัดการกับออกซิเจน แต่เป็นการจัดการกับคาร์บอนไดออกไซด์
โดยหลักการเมื่อปิดปากแล้วใช้จมูกหายใจ ทำให้คาร์บอนไดออกไซด์ที่อยู่ในเลือดเพิ่มขึ้น สิ่งที่เกิดขึ้นตามมาคือหลอดเลือดไปจนถึงทางเดินหายใจจะขยายตัวขึ้น และส่งผลต่อฮีโมโกลบินที่เป็นผู้เล่นหลักในการลำเลียงออกซิเจนที่จะต้องปล่อยออกซิเจนออกมามากขึ้น นั่นหมายถึงกล้ามเนื้อจะได้ออกซิเจนมากขึ้น
สมองที่ได้รับสัญญาณว่าตอนนี้คาร์บอนไดออกไซด์ในเลือดสูงขึ้น ค่า pH ของเลือดตกลง ดังนั้นร่างกายต้องหายใจให้มากขึ้น ซึ่งหมายถึงร่างกายจะต้องหายใจเพิ่มมากขึ้นโดยอัตโนมัติ แต่ในเวลาเดียวกันร่างกายก็จะชินต่อการที่ไม่ต้องการอากาศมากนัก แม้ในช่วงแรกจะรู้สึกเหมือนขาดอากาศอย่างรุนแรงก็ตาม
แมคคีโอวน์ที่ฝึกฝนให้นักกีฬาอย่าง ไมเคิล คอนแลน และ ฌอน โอมัลลีย์ ซึ่งเป็นนักมวยและนักสู้ MMA รวมถึงนักกีฬาจักรยานและนักฟุตบอลที่ไม่ขอเปิดเผยชื่อบอกว่า ถ้าไม่ฝึกการหายใจแบบนี้ก็มีอีกแค่วิธีเดียวที่จะช่วยฝึกการหายใจได้คือการว่ายน้ำ
ในปัจจุบันยังมีคนที่นำการฝึกแบบนี้มาใช้ในการฝึกซ้อมจริงๆ ด้วย เช่น อิกา ซิออนเท็ก นักเทนนิสหญิงมือท็อปของโลก ซึ่งบอกว่า “มันช่วยให้อัตราการเต้นของหัวใจฉันสูงขึ้น” และยังมีส่วนช่วยฝึกความอดทนแบบอ้อมๆ เพราะเธอจะไม่พยายามวิ่งเร็วหรือออกแรงมากจนเกินไป
ดังนั้นการใช้เทปปิดปากในตอนนอนของเออร์ลิง ฮาลันด์ จึงไม่ได้เป็นเรื่องประหลาดๆ
มันเป็นสิ่งที่มีวิทยาศาสตร์ซ่อนอยู่ในนั้น และนี่แหละคือส่วนหนึ่งในเคล็ดลับความสำเร็จที่ทำให้เขากลายเป็นศูนย์หน้าที่เก่งกาจที่สุดในเวลานี้
ว่าแล้วคืนนี้เดี๋ยวจะขอลองใช้เทปปิดปากก่อนนอนบ้าง อยากเล่นเก่งเหมือนฮาลันด์เหรอ? เปล่า เผื่อจะหายปวดหลัง!
อ้างอิง:
- https://theathletic.com/4844743/2023/09/11/why-sportspeople-taping-over-mouths/
- https://www.goal.com/en/lists/special-glasses-taping-mouth-shut-man-city-erling-haaland-unusual-bedtime-habits/blt4de8aa9f17772108#cs55ee027863312eec
- https://www.gq-magazine.co.uk/article/erling-haaland-sleeping-mouth-taped-shut-trend