นักเศรษฐศาสตร์คาดนโยบายฟรีวีซ่าจีนอาจกระตุ้นเศรษฐกิจได้ไม่มาก เหตุแดนมังกรยังมีปัญหาภายใน กำลังซื้อหด รัฐบาลส่งเสริมคนเที่ยวในประเทศ แนะไทยเร่งปรับภาพลักษณ์เป็นที่พำนักระยะยาวช่วยดูดเม็ดเงินได้มากกว่า
อมรเทพ จาวะลา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสำนักวิจัย และที่ปรึกษาการลงทุน ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย กล่าวว่า ขณะนี้ตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติจากประเทศหลักๆ ที่เดินทางเข้ามาในประเทศไทยได้ฟื้นตัวมาถึงระดับ 80-90% ของช่วงก่อนเกิดโควิดแล้ว โดยมีเพียงประเทศจีนที่ตัวเลขนักท่องเที่ยวยังฟื้นตัวไม่ถึง 30% จากช่วงพรีโควิด โดยในช่วง 7 เดือนแรกของปีตัวเลขนักท่องเที่ยวจีนในไทยยังอยู่ที่ 1.85 ล้านคนเท่านั้น ดังนั้น การทำนโยบายฟรีวีซ่าของรัฐบาลที่จะเริ่มในวันที่ 1 ตุลาคม 2566 นี้ จึงเป็นความพยายามที่จะกระตุ้นให้ตรงจุด
อมรเทพระบุว่า หากเทียบกับประเทศอื่นๆ ไม่นับรวมฮ่องกงและมาเก๊า ปัจจุบันประเทศไทยยังถือเป็นจุดหมายที่นักท่องเที่ยวจีนเลือกเดินทางมามากที่สุด แต่ตัวเลขนักท่องเที่ยวที่ยังออกมาค่อนข้างน้อย เกิดจากปัญหาเศรษฐกิจภายในประเทศของจีนเองที่ส่งผลต่อกำลังซื้อ ขณะเดียวกันรัฐบาลจีนก็ส่งเสริมให้ประชาชนเลือกเที่ยวภายในประเทศก่อนทำให้คนจีนเดินทางออกนอกประเทศน้อย
“ในแง่ตัวเลขนักท่องเที่ยวจีนคงไม่ได้เพิ่มขึ้นเยอะมากจากนโยบายฟรีวีซ่า แต่ก็ดีกว่าเราไม่ทำอะไรเลย แต่ไม่ใช่แค่เรื่องวีซ่าที่ไทยควรให้ความสำคัญ การทำให้คนจีนและชาวต่างชาติมองเราเป็นสถานพำนักระยะยาวก็เป็นอีกจุดที่ต้องเน้น ปัจจุบันชาวจีนถือเป็นผู้ซื้ออสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ของไทย เรามีนักธุรกิจจากจีนเข้ามาเป็นจำนวนมาก หากทำให้เขาอยู่ยาวได้ก็จะดึงดูดเม็ดเงินเข้าประเทศได้มากขึ้น” อมรเทพกล่าว
ด้าน บุรินทร์ อดุลวัฒนะ กรรมการผู้จัดการ และ Chief Economist บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย กล่าวว่า การเปิดฟรีวีซ่านักท่องเที่ยวจีนถือเป็นนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจที่รัฐบาลสามารถทำได้อย่างรวดเร็วและไม่มีต้นทุนด้านงบประมาณ อย่างไรก็ดี ในแง่ของประสิทธิภาพและเม็ดเงินที่จะเกิดขึ้นจากนักท่องเที่ยวจีนคงต้องจับตาดูเนื่องจากเศรษฐกิจจีนเองในเวลานี้มีปัญหาภายใน ทำให้คนใช้จ่ายอย่างระมัดระวังขึ้นและราคาไฟลต์บินก็ยังอยู่ในระดับสูง
“การลดอุปสรรคเรื่องวีซ่าคงช่วยกระตุ้นในคนจีนเดินทางมาเที่ยวไทยมากขึ้น แต่อาจไม่มากนัก เพราะปัญหาไม่ใช่เขาหนีจากไทยไปเวียดนามหรือประเทศอื่นๆ แต่เป็นปัญหาเศรษฐกิจภายใน ทำให้ตัวเลขนักท่องเที่ยวจีนในปีนี้ที่เคยมองกันว่าจะอยู่ที่ 5 ล้านคนยังเป็นคำถามว่าจะทำได้จริงหรือไม่” บุรินทร์กล่าว
บุรินทร์กล่าวว่า ศูนย์วิจัยฯ ยังคงประมาณการตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติในปีนี้ไว้ที่ 28 ล้านคน โดยมองว่าแม้นักท่องเที่ยวจีนจะเข้ามาไม่ถึง 5 ล้านคน แต่จะมีกลุ่มอื่นที่เข้ามาชดเชย เช่น กลุ่มอาเซียน แต่การใช้จ่ายต่อหัวอาจต่ำกว่าจีนเล็กน้อย ซึ่งเมื่อรวมกับความเสี่ยงด้านต่ำหรือ Downside Risks จากการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีนและภาคการผลิตของโลก ทำให้ศูนย์วิจัยฯ อาจพิจารณาปรับลดคาดการณ์ GDP ไทยในปีนี้ลงมาอยู่ที่ระดับ 3-3.5%
นริศ สถาผลเดชา หัวหน้าศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจทีทีบี (ttb analytics) กล่าวว่า ปัจจุบันนักท่องเที่ยวจีนเริ่มทยอยกลับเข้ามาท่องเที่ยวในไทยเพิ่มขึ้น แต่ยังไม่ถึงระดับก่อนวิกฤตโควิดที่ในช่วงนั้นนักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางเข้ามาในไทยมีจำนวนมากถึง 11 ล้าน จากจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งหมด 40 ล้านคน หรือคิดเป็น 1 ใน 3 โดยปัจจุบันตัวเลขนักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางเข้ามาในไทยอยู่ที่ 350,000 คนต่อเดือน ทำให้ตัวเลขทั้งปีน่าจะอยู่ที่ราว 3 ล้านคนเท่านั้น ซึ่งปัจจัยหลักเป็นเรื่องของเศรษฐกิจจีนที่ฟื้นตัวได้ต่ำกว่าคาดทำให้กำลังซื้อของคนจีนยังไม่กลับมา
“หากเทียบตัวเลข 3 ล้านคนในปีนี้กับ 11 ล้านคนในปี 2019 จะเห็นว่ายังมีช่องว่างให้โตได้อีกมาก การฟรีวีซ่าให้นักท่องเที่ยวจีนอาจทำให้ตัวเลขนักท่องเที่ยวปีนี้สูงขึ้นจาก 3 ล้านคน แต่อาจไม่มากนักเพราะปีนี้เหลือเวลาอีกเพียง 3 เดือน และต้องไม่ลืมว่าเศรษฐกิจจีนเองยังมีปัญหา” นริศกล่าว
นริศระบุว่า แม้การเปิดฟรีวีซ่าให้นักท่องเที่ยวจีนจะเป็นปัจจัยบวกต่อเศรษฐกิจไทย แต่ ttb analytics ยังคงประมาณการ GDP ไทยในปีนี้ไว้ที่ 3.2% เนื่องจากยังมีปัจจัยลบที่ต้องติดตามเช่นกัน โดยเฉพาะเรื่องภาคการส่งออกที่มีน้ำหนักต่อ GDP ไทยมากถึง 60% และในช่วงครึ่งปีแรกติดลบไปถึง 5.3% ทำให้หากการส่งออกไทยในปีนี้จะขยายตัวเป็น 0% ในช่วงครึ่งปีหลังส่งออกจะต้องขยายตัวไม่ต่ำกว่า 5% ทุกเดือนซึ่งเป็นเรื่องยาก