ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยพฤติกรรมการใช้จ่ายของผู้บริโภคในช่วงเทศกาลสงกรานต์ คาดการณ์จะมีเงินสะพัดกว่า 1.3 แสนล้านบาท คึกคักที่สุดในรอบ 13 ปี เนื่องจากประชาชนส่วนใหญ่มีการวางแผนท่องเที่ยวสูง และมีการเลือกซื้อของจำนวนชิ้นมากขึ้นกว่าเดิม แสดงให้เห็นถึงกำลังซื้อที่พร้อมใช้จ่าย
สำหรับการคาดการณ์ครั้งนี้มาจากการสำรวจกลุ่มตัวอย่าง 1.222 ตัวอย่าง โดยประชาชน 34% คาดว่าสงกรานต์ปีนี้จะสนุกสนานมาก ส่วนอีก 50% คาดว่าจะสนุกสนานเหมือนเดิม 7.8% ระบุว่า น่าจะสนุกสนานน้อยกว่าเดิม และอีก 7.5% คาดว่าจะไม่สนุกสนานเหมือนเดิม
ส่วนมูลค่าการใช้จ่ายในช่วงเทศกาลสงกรานต์ปีนี้เมื่อเทียบกับปี 2560 พบว่า เพิ่มขึ้น 71.8% ส่วนใหญ่ให้เหตุผลเพราะมีวันหยุดติดกันหลายวัน สินค้าบริการราคาแพงขึ้น มีสถานที่ท่องเที่ยวมากขึ้นและมีรายได้เพิ่มขึ้น ส่วนอีก 15.6% มีการใช้จ่ายน้อยลง และอีก 12.6% มีมูลค่าการใช้จ่ายเท่าเดิม ด้านจำนวนชิ้นที่ซื้อพบว่า 52.1% วางแผนจะซื้อเพิ่มขึ้น 28.2% ไม่เปลี่ยนแปลง และอีก 19.7% ซื้อลดลง
ที่มาของการใช้จ่ายเงินในเทศกาลสงกรานต์ 63.8% มาจากเงินเดือน 15.2% มางานเงินโบนัส/เงินรายได้พิเศษ และ 15% มาจากเงินออม จึงคาดว่าจะมีเงินสะพัดในช่วงเทศกาลสงกรานต์ปี 2561 ประมาณ 132,162 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนร้อยละ 3.5
สำหรับการวางแผนเดินทางช่วงสงกรานต์ 81.5% มีแผนเดินทางไปท่องเที่ยว โดยส่วนใหญ่วางแผนท่องเที่ยวในประเทศ ซึ่งค่าใช้จ่ายเฉลี่ย 3,991 บาทต่อคน ส่วน 11.7% วางแผนไปเที่ยวต่างประเทศ โดยมีค่าใช้จ่ายประมาณ 76,840 บาทต่อคน และ 6.8% ไม่มีการวางแผนไปเที่ยว แต่จะเลือกเดินทางไปรดน้ำดำหัวผู้ใหญ่/เยี่ยมญาติ ทำบุญ ซื้อของ และทำอาหารทานที่บ้าน
ส่วนความกังวลในช่วงเทศกาลสงกรานต์ปีนี้ ได้แก่ ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน การจราจรติดขัด อุบัติเหตุ ความปลอดภัยในการเดินทางและการลวนลาม อย่างไรก็ตามในปีนี้ บุคคลสำคัญและนักการเมืองที่อยากรดน้ำมากที่สุด ได้แก่ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา ส่วนดารานักแสดงฝ่ายชายที่คนอยากเล่นน้ำสงกรานต์ด้วยคนแรกคือ โป๊ป-ธนวรรธน์ วรรธนะภูติ ขณะที่ดารานักแสดงฝ่ายหญิงที่คนอยากเล่นน้ำสงกรานต์ด้วยได้แก่ เบลล่า-ราณี แคมเปน
