เร่งขยายอาณาจักรในตลาดต่างประเทศอย่างหนักสำหรับ ‘บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์’ (Big C) ในมือเจ้าสัวเจริญ โดยเข้าซื้อกิจการ AbouThai เตรียมรีแบรนด์เป็น Big C พร้อมทุ่มงบกว่า 700 ล้านบาทขยายสาขา เจาะตลาดฮ่องกง ก่อนเตรียมจดทะเบียนควบ (Dual Listing) ทั้งในฮ่องกงและไทยภายในไตรมาส 4 ปี 2023
“เราเชื่อมั่นในโอกาสและศักยภาพของฮ่องกงที่มีโอกาสเติบโตอย่างมาก เพราะที่ผ่านมาในช่วงที่ฮ่องกงต้องเผชิญกับความท้าทายด้านสถานการณ์โควิด เมื่อทุกอย่างคลี่คลายลงก็กลับมาฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว และฮ่องกงยังเป็นศูนย์กลางทางการเงินชั้นนำในเอเชียที่เชื่อมโยงตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้กับจีนแผ่นดินใหญ่” อัศวิน เตชะเจริญวิกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ จำกัด (มหาชน) และบริษัท บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) กล่าว
พร้อมทั้งยังให้สัมภาษณ์พิเศษกับสื่อต่างประเทศว่า เรามีวิสัยทัศน์ระยะยาวในฮ่องกง ซึ่งก็คือการเปลี่ยน Big C ให้กลายเป็นซูเปอร์มาร์เก็ตไทยระดับพรีเมียมที่ดีที่สุด เบื้องต้นจะเริ่มเปลี่ยนสาขาของ AbouThai ที่เปิดให้บริการทั้งหมด 24 สาขาในฮ่องกง รีแบรนด์เป็นร้าน Big C ทั้งหมด
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- BJC แต่งตั้ง ‘อัศวิน เตชะเจริญวิกุล’ นั่งเก้าอี้ซีอีโอและเอ็มดีใหญ่คนแรกของ BRC รับภารกิจนำบริษัทเข้าตลาดหุ้นอีกครั้ง
- แม่ทัพ Big C ขอไม่ตอบเรื่อง IPO ยันเดินหน้าขยายสาขาต่อเนื่อง เปิดตัวแอป ‘Big C PLUS’ บุก Omni-Channel เต็มสูบ พร้อมหาน่านน้ำใหม่เข้าลงทุนในอนาคต
- C ยื่นไฟลิ่งขาย IPO ‘บิ๊กซี รีเทล’ จำนวน 3,729.99 ล้านหุ้น จ่อเข้า SET นำเงินระดมทุนคืนหนี้-ลุยขยายธุรกิจ
ทั้งหมดนี้จะอยู่ภายใต้แผนการทำงาน 3 ปีที่บริษัทเตรียมงบลงทุนไว้ที่ 20.2 ล้านดอลลาร์ หรือราวๆ 700 ล้านบาท เพื่อใช้ในการขยายสาขา 25 แห่งต่อปี และจ้างพนักงานเพิ่มมากกว่า 500 คน
นอกจากนี้ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ของเบอร์ลี่ ยุคเกอร์ ยังได้เข้าหารือกับ พอล เฉิน โม-โป เลขาธิการการเงิน และ นิโคลัส อะกูซิน ซีอีโอของ Hong Kong Exchange and Clearing (HKEX) เกี่ยวกับแผนการจดทะเบียนควบ (Dual Listing) ในฮ่องกงและไทยที่อาจเกิดขึ้นภายในไตรมาส 4 ปี 2023 แต่การตัดสินใจขั้นสุดท้ายจะขึ้นอยู่กับสภาวะของตลาด
ด้านฝั่งนักลงทุนต่างคาดการณ์ว่า บริษัทจะระดมทุนได้มากถึง 1 พันล้านดอลลาร์ แต่ อัศวิน เตชะเจริญวิกุล ยังปฏิเสธที่จะแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการระดมทุน แต่กล่าวว่า การจดทะเบียนในฮ่องกงจะปูทางให้ Big C มีโอกาสในการร่วมมือกับบริษัทใหญ่ๆ ในอนาคต
“เรามองไปถึงการลงทุนระยะยาว หลังจากที่รัฐบาลฮ่องกงได้เสนอสิทธิประโยชน์เพิ่มเติมในเดือนมีนาคม รวมถึงสิทธิประโยชน์ทางภาษี เพื่อสนับสนุนให้ครอบครัวที่มีฐานะขยายกิจการ” อัศวิน เตชะเจริญวิกุล ซีอีโอ ย้ำ
เรียกได้ว่าเป็นการรุกตลาดฮ่องกงครั้งแรกของ Big C ที่นอกเหนือจากเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยปัจจุบัน Big C มีสาขาทั้งหมดประมาณ 2,000 แห่งภายใต้แบรนด์ Big C Supercenter, Big C Market, Big C Foodplace และ Mini Big C ทั้งในประเทศไทย, สปป.ลาว, กัมพูชา และเวียดนาม
อ้างอิง: