วันนี้ (25 สิงหาคม) วิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงโครงสร้างรัฐสภาจะไม่มีผู้นำฝ่ายค้าน เนื่องจาก ปดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 1 จะไม่ลาออกจากตำแหน่งว่า สามารถทำได้ ซึ่งหากพรรคก้าวไกลไม่รับตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้านก็จะตกไปเป็นของพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งการขึ้นเป็นผู้นำฝ่ายค้านไม่จำเป็นว่าจะต้องเป็นพรรคอันดับหนึ่งหรืออันดับสอง เพราะตามกฎหมายไม่ได้มีข้อบังคับเหมือนรัฐธรรมนูญฉบับก่อน ว่าผู้นำฝ่ายค้านจะต้องมีจำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) เท่าไร ซึ่งขณะนี้พรรคที่จะขึ้นเป็นผู้นำฝ่ายค้านจะมี สส. อย่างน้อย 5-10 คนก็ได้
วิษณุระบุอีกว่า แต่มีข้อกำหนดว่าการจะเป็นผู้นำฝ่ายค้านได้ หัวหน้าพรรคจะต้องเป็น สส. ด้วย และหากพรรคก้าวไกลไม่รับตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้านก็ไม่มีเหตุจำเป็นที่ปดิพัทธ์ต้องลาออกจากตำแหน่ง แต่หากพรรคก้าวไกลต้องการรับตำแหน่งนี้ ปดิพัทธ์ต้องลาออก
วิษณุระบุด้วยว่า ตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้านไม่ได้มีอำนาจบารมีอะไรมาก แต่จะมีความสำคัญในบางเรื่อง เช่น การขอเปิดอภิปรายในรัฐสภา การอภิปรายในหัวข้อต่างๆ ที่สำคัญ อยู่ในส่วนขององค์ประกอบคณะกรรมการสรรหาองค์กรอิสระ ที่มีเหตุจำเป็นว่าผู้นำฝ่ายค้านจะต้องมีส่วนเข้าไปอยู่ในองค์กรนั้นด้วย ซึ่งหากพรรคประชาธิปัตย์ได้หัวหน้าพรรคที่ไม่ใช่ สส. จะไม่สามารถขึ้นเป็นผู้นำฝ่ายค้านได้ ส่วนการยื่นขออภิปรายก็เป็นหน้าที่ของฝ่ายค้านที่สามารถทำได้ ไม่จำเป็นต้องเป็นผู้นำฝ่ายค้านอย่างเดียว อีกทั้งการไม่มีผู้นำฝ่ายค้านก็ไม่มีผลต่อองค์ประชุมรัฐสภา เพราะผู้นำฝ่ายค้านไม่นับเป็นองค์ประชุม
“สุดท้ายแล้วไม่จำเป็นต้องมีผู้นำฝ่ายค้านก็ได้ เพราะไม่ถึงขั้นคอขาดบาดตาย แต่หากมีก็ถือว่าดี” วิษณุกล่าว
